เคยสงสัยไหมว่าใกล้สิ้นเดือนทีไร ยอดเงินคงเหลือในบัญชีแทบไม่มีเลย หรือบางคนอาจหมดตั้งแต่ต้นเดือนกันเลยทีเดียว
เพราะรายจ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็นของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งรายจ่ายที่ไม่จำเป็นสำหรับบางคน อาจเป็นรายจ่าย
ที่จำเป็นสำหรับบางคนก็ได้ เช่น คนที่ต้องทำงานเกี่ยวกับกราฟิก จะมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
หรือคนที่ทำงานเป็นช่างภาพ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก็จะเป็นเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป ฯลฯ
นอกจากรายจ่ายที่ต้องชำระเป็นประจำทุกเดือนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกที่ส่งผลให้ยอดเงินคงเหลือในบัญชี
หดหาย อาทิ ค่ากาแฟ ค่าเครื่องสำอาง ค่าเสื้อผ้า สลากกินแบ่ง ค่าซ่อมบำรุงรถ รวมไปถึงค่าธรรมเนียม
และค่าสมัครสมาชิกบัตรต่าง ๆ ด้วย เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายบางอย่างในแต่ละวัน อาจดูเป็นเพียงจำนวนเงินเล็กน้อยเท่านั้น
และเป็นจำนวนที่เรามักไม่ให้ความสำคัญกับมันมากนัก จึงทำให้มีช่องโหว่ทางการเงิน กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง
ไปอย่างไม่ทันรู้ตัว และไม่รู้ว่าต้องสูญเสียไปอีกเท่าไรถึงจะรู้สึกตัว
ในค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรกับกระเป๋าเงินมากนัก แต่หากลองมาคิดดูอย่างจริงจัง
จะพบว่าค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิดเลย มาดูกันว่าใน 1 ปี มีค่าใช้จ่ายอะไรที่เข้าข่ายเป็นรายจ่ายสิ้นเปลืองบ้าง
ค่าน้ำชา / กาแฟ / น้ำปั่น ต่าง ๆ
มีคนไม่น้อยที่ติดกาแฟหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ในระหว่างวัน หากลองคำนวณดูว่า ค่ากาแฟที่เราดื่มในทุกวันทำงาน
ตลอดทั้งปีคิดเป็นเงินเท่าไร กำหนดให้ค่ากาแฟแก้วละ 40 บาท โดยดื่มวันละ 2 แก้ว คิดเป็นเงินโดยประมาณ 20,000 บาท/ปี
หากเป็นกาแฟแบรนด์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อย ราคาอาจจะอัพไปอยู่ที่ 120 บาทต่อแก้ว โดยดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว
คิดเป็นเงินสูงถึง 30,000 บาท/ปี นับเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว
ค่าเครื่องสำอาง / เสื้อผ้า
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคนต้องมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง ที่ซื้อมาประดับตู้เสื้อผ้าไว้เฉย ๆ ด้วยร้อยแปดเหตุผล
ไม่ว่าจะเป็นเพราะคับไป หลวมไป คอกว้างไป บางเกินไป เพราะไม่ได้ลองสวมใส่ก่อนตัดสินใจซื้อ
หรืออาจจะซื้อมาเพราะความถูกใจในแรกเห็น แต่พอซื้อมาแล้วกลับไม่ถูกใจซะอย่างนั้น
เครื่องสำอางก็เช่นกัน สาว ๆ หลายคนมักซื้อเครื่องสำอางเป็นคอลเลคชั่น พอมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาก็ไปซื้อมาใช้
ทั้งที่เครื่องสำอางชุดเก่ายังใช้ไม่หมดเสียด้วยซ้ำ พอมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมา ก็ไปซื้อมาใช้อีก เข้าคอนเซปต์ที่ว่า
“มีไว้อุ่นใจกว่า” แต่สาว ๆ อย่าลืมนะว่า เราจะซื้อครบทุกคอลเลคชั่นไม่ได้ ถ้าไม่มีเงินเหลือใช้มากพอ
ลองคำนวณดูว่าราคาเสื้อผ้าและเครื่องสำอางที่เราใช้จ่ายไป แต่ไม่ได้ใช้นั้น รวมมูลค่าแล้วเป็นเท่าไร
แทนที่เราจะได้ประโยชน์จากการเสื้อผ้าและเครื่องสำอางเหล่านั้น เรากลับต้องมาเป็นทุกข์เพราะเงินไม่พอใช้
แถมยังมีเสื้อผ้าไว้ประดับตู้ มีเครื่องสำอางไว้ประดับโต๊ะเฉย ๆ เสียอย่างนั้น
สลากกินแบ่ง
สำหรับสลากกินแบ่ง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น ลองคำนวณดูว่าสลากกินแบ่งใบละ 80 บาท
เดือนละ 2 ครั้ง ตลอด 1 ปี หากซื้อครั้งละ 1 ใบคิดเป็น 1,920 บาทต่อปี แต่หากซื้อครั้งละ 2 ใบ คิดเป็น 3,840 บาทต่อปี
และครั้งละ 10 ใบ คิดเป็น 19,200 บาทต่อปี แต่ถ้าซื้อมากกว่านี้ก็ลองคำนวณด้วยการคูณตัวเลขนั้นดูคุณอาจตกใจได้
ลองดูว่าจริง ๆ แล้ว เราถูกสลากกินแบ่ง หรือถูกสลากแบ่งกินกันแน่ เงินที่เราได้รับกลับคืนมาเมื่อถูกสลากกินแบ่งนั้น
คุ้มค่ากับที่เราสูญเสียไปหรือไม่ และแน่นอนว่าคำตอบคือ “ไม่” กลับกัน หากนำเงินส่วนนั้นมาซื้อสลากออมทรัพย์แทน
เมื่อถูกรางวัล เราจะได้คืนทั้งเงินต้นและเงินรางวัล อาจจะได้น้อยกว่า แต่ได้แน่นอน และไม่เสียเงินไปอย่างสูญเปล่าด้วย
ค่าซ่อมบำรุงรถ
สมัยนี้ไม่ว่าใครก็ออกรถใหม่เป็นของตัวเองได้ทั้งนั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อรถโดยคำนวณค่าใช้จ่ายเงินดาวน์
เงินผ่อน และดอกเบี้ยรายเดือนเท่านั้น แต่กลับไม่คิดถึงรายจ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาหลังจากมีรถไว้ในครอบครองแล้ว
รถ 1 คัน เมื่อนานวันเข้า ย่อมเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ต่อให้จอดไว้เฉย ๆ รถก็สามารถเสื่อมสภาพลงได้เช่นกัน
นำมาสู่รายจ่ายในส่วนที่เป็นค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ โดยประมาณ 50,000 บาทต่อปี
รวมไปถึงค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายไปในแต่ละเดือนราว 40,000 บาทต่อปีด้วย
แม้จะเป็นรายจ่ายที่จำเป็น แต่สำหรับบางคนอาจไม่ใช่รายจ่ายที่จำเป็นเท่าไรนัก ซึ่งส่งผลให้มีรายจ่ายมากกว่ารายได้
ทำให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย กลายเป็นหนี้ท่วมตัวกันอย่างทุกวันนี้
ค่าธรรมเนียม และค่าสมัครสมาชิกบัตรต่าง ๆ
รายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินสักเท่าไร แม้การสมัครสมาชิกบัตรต่าง ๆ สามารถทำการสมัครได้ฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่กลับมีค่าธรรมเนียมรายอื่น ๆ ตามมา อย่างที่เราไม่ได้คาดหวังและเต็มใจเท่าไรนัก
หากเราไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบัตรสมาชิก ก็เท่ากับว่าเราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย
ซึ่งค่าธรรมเนียมจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้ สามารถทำให้เราหมดเงินไปเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน ทั้งนี้ เราควรตรวจสอบ
บัตรสมาชิกต่าง ๆ ว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือไม่ และบัตรสมาชิกใบนั้นมีความจำเป็นมากน้อยกับเราเพียงใด
หากไม่มีความจำเป็น ก็ได้เวลาบอกลาการเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการบัตรใบนั้นได้เลย เพื่อที่เราจะไม่เสียเงินโดยไม่จำเป็น
ยังมีรายจ่ายอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้เราสูญเสียเงินไปอย่างไม่รู้ตัว แม้เป็นรายจ่ายเล็กๆ ก็ถือเป็นรอยรั่วสำคัญ
ที่ทำให้เงินทองรั่วไหลจากกระเป๋าไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นรายจ่ายจำนวนมากได้เช่นกัน เราจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ และนำไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของเราจริง ๆ
และถือเป็นการลดหนี้ก้อนโตอีกทางหนึ่งด้วย