การทำบัญชีโรงเรียนเอกชนให้ถูกต้อง หมายถึง การทำบัญชีให้ถูกต้องตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน , ตาม พรบ.การบัญชี และตามประมวลรัษฎากรถูกต้องตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน
- ทำตาม พรบ.โรงเรียนเอกชนอย่างเคร่งครัด
- การจัดสรรเงินกองทุน และการจัดสรรเงินให้ผู้รับใบอนุญาต
- การจัดทำตราสารโรงเรียน(สำหรับโรงเรียนเอกชนที่เปิดใหม่)
- การจัดให้มีการตรวจสอบบัญชี โดยให้คณะ กรรมการบริหารดำเนินการให้มีการตรวจสอบบัญชีของโรงเรียนในระบบเพื่อตรวจสอบ และแสดงความเห็นต่องบการเงินของโรงเรียนในระบบภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้น รอบปีบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดถูกต้องตาม พรบ.การบัญชี หมายถึง ผู้ทำบัญชี
- มีคุณสมบัติ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด
- ควบคุมดูแลการทำบัญชีให้เป็นไป ตามมาตรฐานการบัญชีจัดให้มีการทำบัญชี ตามมาตรฐานการบัญชี
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการลงบัญชี
- จัดให้มีเอกสารประกอบการลงบัญชีได้แก่ บันทึก หรือเอกสารใดๆที่ใช้เป็นหลักฐานในการลงรายการในบัญชี
- ส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ผู้ทำบัญชี เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของใบสำคัญรับ-จ่าย การทำบัญชี รายรับ รายจ่ายฯลฯถูกต้องครบถ้วนเพื่อให้บัญชีที่จัดทำขึ้นให้สามารถแสดงผลการดำเนินงานฐานะการเงินหรือการเปลี่ยนแปลง ฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตาม มาตรฐานการบัญชี
การปิดบัญชีและจัดทำงบการเงิน
- ปิดบัญชีครั้งแรกภายใน 12 เดือน นับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 เมษายน
- จัดทำงบการเงิน โดยมีรายการย่อ ตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน
- จัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญ
การยื่นงบการเงิน
- ยื่นงบการเงินต่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
การเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี
- เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ไว้ ณ สถานที่ทำการ
- เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันปิดบัญชีถูกต้อง ตามประมวลรัษฎากร
การวางแผนภาษี ของโรงเรียนเอกชน เพื่อให้กิจการได้รับประโยชน์สูงสุด ลดต้นทุนให้ต่ำลงภายใต้เงื่อนไขที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันภาระที่เกิดขึ้นในอนาคตของกิจการ ดังนั้นการวางแผนภาษี (Tax Planning) ไม่ใช่เป็นการหลบเลี่ยงภาษี (Tax Avoidance) หรือหนีภาษี (Tax Evasion) ก่อนที่จะมีการวางแผนภาษีนั้นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของการวางแผนภาษีดังต่อไปนี้
1. ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย ในการวางแผนภาษีอากรผู้วางแผนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจตัวบทกฎหมายของโรงเรียนเอกชน อย่างชัดเจนถูกต้อง ไม่หลงลืมประเด็นหนึ่งประเด็นใดในตัวบทกฎหมายภาษีอากร นอกจากนี้จะต้องศึกษาคำพิพากษา และข้อหารือของกรมสรรพากรประกอบการวางแผนภาษีอากรให้รัดกุมครบถ้วน
2. ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด จะต้องศึกษาข้อกฎหมายที่จะทำให้โรงเรียน ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด โดยการกำหนดทางเลือกในการนำเงื่อนไขทางกฎหมายมาใช้ให้กิจการได้รับประโยชน์สูงสุดและถูกกฎหมายอีกด้วย เช่น รายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และเรื่องของการที่ไม่ต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
3. ปลอดภัยจากภาระที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า การวางแผนภาษีอากรจะต้องคำนึงถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหากมุมมองของผู้วางแผนขาดความรอบครอบในการศึกษาตัวบทกฎหมายได้อย่างถูกต้องแล้วอาจเกิดปัญหาได้ในอนาคตโดยถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบและประเมินภาษี ทำให้กิจการมีราจ่ายเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
4. มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและสมเหตุผล เมื่อมีการวางแผนภาษีอากรในเรื่องหนึ่งเรื่องใดจะต้องมีการยกกฎหมายมาอ้างอิงให้ชัดเจน สามารถตอบคำถามในปัญหาต่าง ๆ ในประมวลรัษฎากร คำพิพากษา ข้อหารือของกรมสรรพากร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถหาคำตอบได้เป็นที่ยอมรับของฝ่ายจัดการหรือฝ่ายบริหารอย่างไม่มีข้อสงสัย และเชื่อถือได้ในข้อมูลที่นำมาอ้างอิงเพื่อการวางแผนภาษี
ที่มา : www.buncheesiam.com
Prosoft อยากให้นักธุรกิจยุคใหม่ได้ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่การแข่งขันสูง
ในบทความนี้ Prosoft จึงได้รวบรวบโปรแกรมสำเร็จรูป ที่นักธุรกิจยุคใหม่ห้ามพลาด จะมีซอฟต์แวร์อะไรบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ