ทุกวันนี้ Data เข้ามามีบทบาทในทุกธุรกิจ ไม่เว้นกระทั่งธุรกิจ SME หลายคนยังเข้าใจว่า Data เป็นเรื่องของธุรกิจขนาดใหญ่ และต้องมีเงินลงทุนในส่วนนี้เท่านั้นจึงจะสามารถนำ Data มาใช้ได้ แท้จริงแล้ว SME ก็สามารถนำ Data มาปรับใช้อย่างง่ายในรูปแบบของ SME ได้เช่นกัน เพื่อนำมาพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดธุรกิจ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่แตกต่าง ดีกว่า แต่เติมเต็มและแก้ปัญหาของผู้บริโภคได้ วันนี้มิ้นท์จึงมี Checklists มาให้ตรวจสอบกันค่ะ ว่าธุรกิจ SME ของทุกท่านได้นำ Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้วหรือยัง หรือถ้าหากจะนำมาใช้ จะนำมาใช้ได้อย่างไร
ข้อนี้เป็นข้อที่มีความสำคัญมากค่ะ หากเราต้องการนำ Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ Data ของเรายังกระจัดกระจาย เราก็ไม่สามารถที่จะนำ Data เหล่านั้น มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพได้ โดยมิ้นท์เคยมีเขียนแนวทางการเก็บข้อมูลอย่างง่ายสำหรับ SME ตามกลุ่มลูกค้าไว้แล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ถุงยังชีพกู้ภัย COVID-19 สำหรับธุรกิจ SME ที่ชื่อว่า Data
2.Data ที่มีได้นำมาใช้หรือไม่ อย่างไรSME หลายท่านอาจจะมีการจัดเก็บข้อมูลไว้แล้วมากพอสมควร แต่ Data เหล่านั้นไม่เคยถูกนำมาใช้งาน เมื่อไม่ถูกนำมาใช้งานก็เปรียบเสมือนเราทิ้งเหมืองแร่ทองคำเอาไว้เฉยๆ แต่ไม่คิดที่จะขุดทองจากสินทรัพย์ที่เรามีอยู่
การนำ Data ไปใช้งานหากเราต้องการนำข้อมูลที่มีการจัดเก็บไว้อย่างดี ออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มิ้นท์ขอแนะนำว่าควรมีการตั้งเป้าหมายและวางแผนเสียก่อน
เปรียบเสมือนว่าเรามีเหมืองทองคำที่ยังไม่ได้ขุดแร่ทองมาออกมาใช้ ก่อนที่จะเริ่มต้นขุดหาแร่ทองแบบไร้ทิศทาง เราควรวางแผนในแต่ละส่วนก่อน ว่าเป้าหมายระยะสั้น กลาง ยาว ในการขุดแร่ทองคำจากเหมืองนี้คืออะไร รวมถึงควรวางแนวทางหรือกลยุทธ์ในการขุดแร่ทองคำเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว การขุดแร่ทองคำของเราอาจจะใช้เวลานาน หรือบางครั้งอาจจะทำให้แร่ทองคำเสียหายไปได้เพราะความไม่รู้และไม่มีการวางแผน
Data ก็เช่นกัน ก่อนที่จะนำมาใช้ ควรควรวางแผนเสียก่อนว่า เป้าหมายการนำ Data แต่ละส่วนออกมาใช้งานของคุณคืออะไร รวมถึงคุณควรวางแผนด้วยว่าหากนำ Data ออกมาใช้แล้ว คุณจะใช้งานมันอย่างไร หรือคุณมีกลยุทธ์ มีการวิเคราะห์ Data เหล่านั้นอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.Data นำมาวิเคราะห์และต่อยอดพัฒนาสินค้าได้ไม่ว่าจะเป็น Data ที่เกี่ยวกับยอดขาย หรือพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อหรือใช้สินค้าและบริการของเราล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพราะเราสามารถนำ Data เหล่านั้นมาวิเคราะห์ด้วยกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อดูว่าสินค้าไหนที่ขายดีในช่วงนี้ สินค้าไหนที่ผู้บริโภคซื้อซ้ำบ่อย หรือสินค้าไหนที่มีแนวโน้มที่จะต้องลาจากตลาดไป
เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ มาเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าได้ เช่น ถ้าสินค้าหมวด A เป็นสินค้าขายดีตลอดกาล เราจะมีแนวทางอย่างไรที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆสำหรับสินค้าหมวด A เพื่อให้ผู้บริโภคได้เดิมได้ตื่นเต้น ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ มาลองซื้อสินค้า หรืออาจจะเราเห็นเทรนด์ตลาด แล้วพอมาวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของเรา พบว่ามีพฤติกรรมที่มีแนวโน้มไปตามทิศทางของเทรนด์เหล่านั้น เราก็สามารถที่จะพัฒนาต่อยอดธุรกิจไปในทิศทางนั้นได้เช่นกัน นอกจากนั้น SME ยังสามารถนำผลจากการวิเคราะห์มาใช้ในการวางแผนการตลาดได้อีกด้วย
4.Data นำมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มยอดสั่งซื้อของลูกค้าได้จากที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้าเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาสินค้าใหม่ๆ Data ยังสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มยอดสั่งซื้อของลูกค้าได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ถ้าสินค้าใหม่เราก็เพิ่มแล้วตามหัวข้อด้านบน เราอาจจะต้องไปเพิ่มความถี่ในการซื้อของลูกค้า หรืออาจจะเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อต่อครั้งให้มากขึ้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราต้องศึกษา Data เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า เพราะเราจะได้เรียนรู้ว่าปกติลูกค้าซื้อเราแบบไหน อย่างไร ปริมาณเท่าไหร่ สำหรับสินค้าบางประเภท ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ได้บ่อยๆ แต่เราอาจจะเห็นพฤติกรรมว่าบางร้านค้าที่ซื้อไปขาย ทำไมซื้อไปในจำนวนที่น้อย หรือแม้แต่กระทั้งลูกค้าปลีก ทำไมซื้อแค่เดือนละครั้ง
การบ้านของเราคือหลังจากนำข้อมูลมาวิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ต้องนำมาวางแผนการตลาดต่อว่า จะทำใอย่างไร ที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจ หรือเห็นคุณค่าของสินค้าเรา หรือมีแนวทางอย่างไรที่ทำให้ลูกค้าอยากจะซื้อสินค้าและบริการของเราในจำนวนที่มากขึ้น หรือ ความถี่ที่บ่อยขึ้น
5.Data นำมาใช้สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างรู้ใจจาก 2 หัวข้อที่ผ่านมาน่าจะเห็นกันแล้วนะคะว่า Data มีประโยชน์สำหรับทุกธุรกิจ เพระาฉะนั้นการที่เรานำข้อมูลของลูกค้า มาวิเคราะห์ คัดแยก จัดกลุ่มให้เหมาะสม จะสามารถทำให้เรานำมาวางแผนในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างตรงจุดตรงใจ
เราสามารถนำกลุ่มลูกค้าที่เราจัดกลุ่มเรียบร้อยแล้ว มาวางแผนหรือสื่อสารการตลาดในรูปแบบที่แตกต่างกัน หรือวิธีการที่แตกต่างกันได้ เพราะแม้ว่ากลุ่มเป้าหมายเราจะใช้สินค้าและบริการเดียวกัน แต่เรายังสามารถลงลึกกลุ่มเป้าหมายที่เรามีให้ Niche มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้แบบรู้ใจ จากพื้นฐาน Data ที่เรามี
ตัวอย่างเช่น ร้านมินิมาร์ท A และ ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น B ทั้งสองกลุ่มนับเป็นลูกค้า B2B ของบริษัท ซื้อสินค้าคล้ายๆกัน แต่เราไม่สามารถที่จะสร้างความสัมพันธ์ทั้งสองกลุ่มเหมือนกันได้ เพราะ Customer Persona ไม่เหมือนกัน มินิมาร์ท A คนที่ติดต่อกับเราเป็นเจ้าของร้าน ในขณะที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น B คนที่ติดต่อกับเราเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ เพราะฉะนั้น การสร้างความสัมพันธ์ และการทำการตลาดกับลูกค้าสองกลุ่มนี้ อาจจะต้องมีความแตกต่างกัน เพื่อให้ตอบสนองได้ตรงใจลูกค้าค่ะ
สรุปData ไม่ใช่เรื่องของบริษัทใหญ่ แต่ Data คือเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจในปัจจุบันนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำงานอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลจริง ย่อมดีกว่าการใช้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวแน่นอน เพราะบางครั้งสิ่งที่เรารู้สึก กับสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาสำหรับการแก้ปัญหาชีวิตของเขา อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน กระทั่งบางครั้งมุมมองของเรากับลูกค้าเป็นคนทางเลยก็อาจจะเป็นไปได้นะคะ
ที่มา : www.everydaymarketing.co