Organic Search นั้นจะแสดงผลตามความเกี่ยวข้องระหว่างคำหรือคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าใช้ Search
กับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเรา เช่น เมื่อลูกค้าใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาว่า "ร้านค้าออนไลน์ในฟิลิปปินส์"
ลูกค้าก็จะเจอร้านค้าออนไลน์ เช่น Lazada และ Zalora ขึ้นมาเป็นลำดับแรก ๆ นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่ธุรกิจเหล่านี้
ใช้กลยุทธ์ของ SEO โดยการเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าใช้ค้นหา
SEO จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในยุคดิจิทัล ที่เราสามารถนำไปใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์
3 วิธีที่ SEO จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตบนโลกออนไลน์
1. เชื่อมโยงเว็บไซต์ของเรากับกลุ่มเป้าหมาย
ลองนึกถึงเวลาที่ผู้บริโภคมีความต้องการในการซื้อสินค้า เข้ามาทำการค้นหา ใน Search Engine
แล้วเจอแบรนด์ของเราเป็นอันดับแรก ก็ทำให้ผู้บริโภคกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ ฉะนั้น
เราจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของเราอยู่ลำดับต้น ๆ บนหน้า Search Engine
เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ซึ่งสามารถอธิบายสินค้าหรือจุดเด่นของธุรกิจได้ดีที่สุด
เช่น ถ้าเราขายรองเท้าที่ผลิตใน Marikina และต้องการให้เว็บไซต์อยู่ในหน้าแรกของ Search Engine
ลองใช้คำว่า "รองเท้า Marikina" เป็นคีย์เวิร์ดหลักบนเว็บไซต์
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเลือกคีย์เวิร์ดหลัก ต้องตรวจสอบก่อนว่าคีย์เวิร์ดหลักนั้นได้รับการค้นหารายเดือน
มากพอหรือไม่ เพื่อให้เราสามารถใช้คำนั้นได้ ควรใช้คีย์เวิร์ดหลักที่มีการค้นหาอย่างน้อย 1,000-5,000 คำต่อเดือน
เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันจากเว็บไซต์อื่น ๆ หากคีย์เวิร์ดหลักนั้นมีการค้นหามากกว่า 100,000 คำต่อเดือน
ก็แปลว่าเราจะมีการแข่งขันกับเว็บไซต์อื่นสูง
ในการค้นหาคีย์เวิร์ดหลักที่เหมาะกับธุรกิจของเรา สามารถใช้เครื่องมือช่วยในการหาคำ
เช่น Google Keyword Planner และ Keyword Everywhere ทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือฟรี
ที่จะช่วยประเมินจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดหลักต่อเดือน
สิ่งสำคัญต่อไปคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเรามีข้อมูลเพียงพอเมื่อลูกค้ากดเข้าไปดู
ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกดปิดเว็บไซต์ของเราทันที
2. ทำให้เราเป็นผู้นำในตลาด
หลังจากที่รู้หลักการเลือกใช้คีย์เวิร์ดหลักให้เหมาะสมกับธุรกิจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์
ที่มีคุณภาพ เพราะเนื้อหาจะเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้แตกต่างจากคู่แข่งหรือเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
การเขียนข้อมูลสินค้าสำหรับร้านค้า E-Commerce หรือหน้า Landing Page อื่น ๆ สำหรับอ่านข้อมูล
เกี่ยวกับแบรนด์ของเรา ควรเขียนเนื้อหาที่มีความน่าสนใจ และแตกต่างจากแบรนด์อื่น เพื่อดึงดูดให้ลูกค้า
ให้ติดตามเว็บไซต์ของเรา
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถสร้าง Position ธุรกิจของเราได้ชัดเจนมากขึ้น
และทำให้ลูกค้ารู้จักเราในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้นำตลาด
3. ช่วยประหยัดต้นทุน
SEO นั้นมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการทำการตลาดแบบดั้งเดิม เนื่องจากสามารถเข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายหลักได้ตรงกลุ่ม คือเป็นกลุ่มลูกค้าที่กำลังสนใจสินค้าและบริการของเรา
จึงเข้าไปทำการค้นหาโดยตรงใน Search Engine
การมีกลยุทธ์ SEO ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์สามารถนำเสนอเนื้อหาได้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังค้นหา
ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ชมที่เข้ามาที่เว็บไซต์ และเมื่อมีผู้ชมเว็บไซต์ที่มากขึ้นก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นบนโลกออนไลน์
ด้วยวิธีนี้เราสามารถประหยัดเงินจากการทำการตลาดแบบเดิมได้ในที่สุด การเรียนรู้ SEO
อาจจะดูเป็นเรื่องยากในตอนแรก แต่หากเราเข้าใจ SEO ก็จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจได้มากทีเดียว