FOMO ย่อมาจากคำว่า Fear Of Missing Out หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาสอะไรบางอย่างไป
กลัวที่จะไม่รู้เหมือนที่คนอื่นรู้ กลัวที่จะตกข่าว ตกกระแสหรือตกเทรนด์ ในแง่ธุรกิจ SMEs
ก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์จาก FOMO ในการทำการตลาดดิจิทัลได้เช่นกัน
โดยการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ต้องการพลาดหรือปล่อยให้โอกาสให้หลุดมือไป เราจะเห็นไวรัลแคมเปญต่าง ๆ
ที่มักจะกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นว่าคนรอบตัวซื้อสินค้านี้แล้วตนเองก็ต้องซื้อด้วย
9 เทคนิคทำ FOMO marketing ให้มีประสิทธิภาพ
FOMO อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ทำแล้วจะต้องประสบความสำเร็จในทุกครั้ง การใช้กลยุทธ์นี้อาจถูกมองไปในแง่ลบ
ได้ง่ายมาก เพราะหากนำมาใช้เพื่อหลอกลวงลูกค้าหรือนำเสนออย่างมีเลศนัยเพียงนิดเดียว
ลูกค้าก็จะสามารถทราบได้โดยทันที สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องมีคือความซื่อสัตย์และการสร้างข้อเสนอ
ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคจริง ๆ
เทคนิคต่อไปนี้สามารถนำมาใช้แบบรวมกันหลาย ๆ เทคนิคในแคมเปญเดียวกันได้
สามารถกระตุ้นการตัดสินใจด้วยความกดดันภายใต้เวลาที่กำหนด การจัดแคมเปญจำเป็นเข้มงวดในเรื่องของเวลาจริง ๆ
ห้ามยืดหรือต่อระยะเวลาเด็ดขาดเพราะลูกค้าจะคิดว่าเป็นการหลอกลวง อาจส่งผลต่อชื่อเสียงของแบรนด์ได้
เช่น มอบส่วนลด 20% หากสั่งซื้อภายใน 48 ชั่วโมง หรือจัดส่งฟรีในเดือนนี้เท่านั้น ในวันที่ 1 ของเดือนถัดไป
ข้อเสนอก็จะหมดไปทันที หมดช่วงเวลาเปลี่ยนราคาทันที
2. พลังของ Influencers คำพูดของที่มีอิทธิพลทางความคิดในโลกโซเชียลสามารถกระตุ้นการตัดสินใจ
ของลูกค้าคนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี การใช้ Influencers ใช้ได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพที่สุดโดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม
Instagram นอกจากนี้ยังสามารถใช้คำพูดของ Influencers ในช่องทางอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น เอาไปใช้ในหน้า Landing Page
หรือ Sales page และที่อื่น ๆ ที่ลูกค้าจะพบเห็นได้ ใช้ได้แม้กระทั่งเป็นชื่อหัวข้อ e-newsletter ที่ส่งถึงลูกค้า
3. เสียงตอบรับหรือรีวิวจากลูกค้า และข้อมูลทางวิชาการ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ
และเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด แต่ต้องนำไปใช้ในเวลาที่เหมาะสมโดยเฉพาะใช้ช่วง
the bottom of the funnel เพราะลูกค้าค่อนข้างพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อ ในสถานการณ์ที่มีการแย่งกัน
ซื้อสินค้าหรือของกำลังจะหมด สถานการณ์เหล่านี้มีนัยว่ามีบางสิ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคนอื่น ๆ
ถ้าไม่เลือกรีบซื้ออาจพลาดสิ่งดี ๆ ไปก็ได้ สิ่งนี้สามารถกระตุ้น FOMO ได้ดีทีเดียว
4. ขายสินค้าหรือบริการแบบควบรวม การจัดแพ็กรวมสินค้าหรือบริการทำกันมากในหลายธุรกิจ
ที่ดูจะคุ้นเคยหรือได้รับความนิยมมาก เช่น การขายพ่วงในธุรกิจโทรคมนาคม บริการอินเทอร์เน็ต
รวมถึงบริการทีวีแบบบอกรับสมาชิกหรือ Cable TV หรือการเสนอให้ลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต
หรือสินเชื่อสวนบุคคล ควบคู่กับการขายหน่วยลงทุนหรือประกันภัยของธุรกิจธนาคาร การจัดแคมเปญขายสินค้า
ในลักษณะควบรวมทำให้ลูกค้าจ่ายน้อยลงกว่าเดิม และยังนำกลยุทธ์เรื่องของเวลาเข้ามาใช้ร่วมด้วยก็ได้
เช่น สิทธิพิเศษเพิ่มเติมหากตัดสินใจซื้อภายในเวลาที่กำหนด
5. ภาษากระตุ้นยอดขาย การสร้างความรู้สึกแบบ FOMO นั้นภาษามีความสำคัญอย่างมาก
เมื่อต้องการให้ลูกค้ารู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดไปและกำลังจะสูญเสียข้อเสนอที่น่าสนใจ อาจใช้คำกริยา
และคำคุณศัพท์ที่กระทบความรู้สึกได้รุนแรง เช่น อย่าพลาด ของมีจำนวนจำกัด ทุกชิ้นราคาเดียว
โอกาสทองใกล้หมดแล้ว ลดสุดขีด ลดล้างสต็อก ฯลฯ เป้าหมายคือการส่งสารว่าหากลูกค้าของคุณไม่ทำอะไร
ตอนนี้พวกเขาจะเสียใจกับการตัดสินใจนั้น
6. กระจายช่องทางเผยแพร่ การตลาดแบบ FOMO ไม่ได้เพียงแค่ส่งเสริมการขาย
ยังมีประโยชน์ในการสร้างแบรนด์ได้อีกด้วยโดยเฉพาะหากใช้วิธีการหลอมรวมช่องทางการสื่อสาร
แบบ omnichannel เช่น ส่งอีเมลเพื่อโปรโมตช่องทางพอดคาสต์ โดยมีโปรโมชั่นพิเศษในพอดคาสต์เท่านั้น
ไม่สามารถเห็นได้จากที่อื่น การเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ กัน จะช่วยสร้างผู้ติดตาม
ในหลายช่องทาง และช่วยสร้างการจดจำแบรนด์และความภักดีได้อีกด้วย
7. ข่าวสารเฉพาะกับกลุ่ม ใครว่าลีดต้องเป็นแค่ลีดตลอดไป เราสามารถเปลี่ยนพวกเขาได้
ด้วยการเสนอคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ให้แก่กลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นลูกค้า แต่เป็นการให้ในจำนวนจำกัด
แม้ต้องการใช้การตลาดแบบ FOMO เพื่อสร้างลีดมากกว่าการขาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจออกมาเหมือนกันได้
8. เสียงจาก UGC แม้ว่าการรีวิว เสียงตอบรับ Influencers หรือสิ่งที่เรียกว่า social proof
จะมีอิทธิพลต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค แต่ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่มผู้ติดตามที่ยินดีสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์
ของคุณหรือที่เรียกว่า UGC (User Generated Content) ผู้ติดตามเหล่านี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า
หรือไกลกับลูกค้าเหมือนดาราและ Influencers ตรงกันข้ามพวกเขาใกล้ชิดเป็นเพื่อนหรือ
คนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเสียงของผู้ติดตามเหล่านี้มีความน้ำหนักอย่างมากต่อความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย
สามารถนำไปใช้เพื่อการตลาดแบบ FOMO ได้เช่นกัน
9. ใช้ป๊อปอัปคูปอง อีกหนึ่งวิธีที่ดีในการสร้าง FOMO ให้กับผู้คนคือการใช้คูปองแบบป๊อปอัป
ที่จะให้โอกาสแค่ครั้งเดียว ซึ่งอาจเป็นการให้ส่วนลดหรือมอบสิทธิพิเศษอื่น ๆ ป๊อปอัปคูปองมักจะปรากฏขึ้น
เมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณกำลังปิดแท็บหรือหน้าต่างเบราว์เซอร์ ไม่ควรพลาดที่จะใช้วิธีนี้
เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้รู้ว่าพวกเขาได้รับโอกาสที่ดีแล้ว
FOMO marketing จะใช้ได้ผลจริงจำเป็นต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเร่งตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็ว
หากวางแผนโปรโมทดี ๆ กลยุทธ์ FOMO จะช่วยการขายได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน