รู้หรือไม่ว่าความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ไม่ได้เกิดจากอารมณ์ศิลปินแต่เพียงอย่างเดียว ไอเดียที่ดีเกิดจากวินัยการทำงานที่ถูกคิดอย่างสม่ำเสมอ
มีงานวิจัยจาก Elsevier วารสารวิชาการที่เน้นตีพิมพ์ผลงานด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ได้ลองนำนักเขียนที่มีอาการสมองตัน เขียนงานไม่ออก จำนวนหนึ่งมาแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม แล้วทำการทดลองเป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่า นักเขียนที่จัดเวลาในทุก ๆ วันเพื่อเขียนหนังสือเป็นประจำจะเขียนผลงานที่มีไอเดียที่ดีที่สุดได้มากกว่านักเขียนที่เลือกเขียนเฉพาะเวลาที่มีอารมณ์
แนวคิดนี้ตรงกับแนวทางการทำงานของ Ernest Hemingway นักเขียนชื่อดังระดับตำนานที่บอกว่า เขาเองจะตื่นมาเขียนหนังสือในตอนเช้าทุกวัน ทำให้สามารถสร้างผลงานวรรณกรรมอมตะที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ 10 ปีก็ยังถูกจัดว่าเป็นหนังสือขึ้นหิ้งในใจนักอ่านทั่วโลก
ลองนำวิธีการนี้มาปรับใช้ด้วยการกำหนดเวลาที่แน่นอนในแต่ละวันเพื่อที่จะทำงานของคุณ แบบที่ไม่ต้องรอให้มีอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคิดงาน บางทีคุณอาจจะได้ไอเดียใหม่ ๆ ดี ๆ ในระหว่างชั่วโมงคิดงานของคุณก็ได้
ถ้าคุณเป็นคนใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน คิดงานไม่หยุดจนกว่าจะได้ไอเดียมาทำงานต่อ การทำแบบนี้อาจทำให้คุณหมดแรง หมดพลัง แล้วยัง คิดงานไม่ออก คิดหาไอเดียใหม่ ๆ ไม่เจออีกด้วย ภาวะความเครียด และความกดดันที่คุณสร้างให้กับสมองและจิตใจของคุณ เป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำไอเดียของคุณหายไป ลองหาเวลาพักเบรกจากการคิดงานไม่หยุด ด้วยการงีบพักสัก 10 – 20 นาที เพื่อให้สมองได้รีชาร์จตัวเองจากการทำงานไม่หยุด จะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัวและรู้สึกสดชื่นอีกครั้ง หรือถ้ามีเวลามากขึ้นจะลองพักงีบซัก 90 นาที เพื่อให้วงจรการหลับของคุณสมบูรณ์ สมองได้พักเต็มที่ ช่วยให้ความจำและความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น
นอกจากนี้คุณไม่ควรละเลยการนอนหลับพักผ่อนอย่างจริงจังในช่วงเวลากลางคืน เพราะการหลับยาวที่มีคุณภาพ หรือ REM Sleep เป็นช่วงเวลาที่กล้ามเนื้อทั่วร่างกายหยุดทำงาน ยกเว้นส่วนหัวใจ กระบังลม และกล้ามเนื้อตา เป็นช่วงที่ร่างกายและสมองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง คุณอาจจะฝันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งการพักผ่อนนี้จะช่วยเสริมสร้างให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการประมวลผลโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ (unconscious processing)
วิธีการด้านบนนี้ เป็นไปตามทฤษฎี Insightful Theory ในหนังสือ The Art of Thought ของ Graham Wallas นักจิตวิทยาผู้ร่วมก่อตั้ง London school of Economics เมื่อคุณตื่นมาสมองคุณก็สดใส พร้อมที่จะคิดริเริ่มความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ได้ไม่ยาก
ร่างกายคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 70% นี่อาจไม่ใช่ความรู้ใหม่อะไร แต่รู้หรือไม่ว่าสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 85% เลยทีเดียว ฉะนั้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็ทำให้เกิดอาการสมองตื้อได้ อาการสมองไม่ค่อยแจ่มใส จะคิดอะไรก็รู้สึกติดขัดไปหมด อาจไม่ได้เกิดจากการที่คุณขาดแรงบันดาลใจ แต่อาจเป็นเพราะคุณกำลังอยู่ใน ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) อยู่
จากงานวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีแห่งจอร์เจีย (GIT) ในอเมริกา พบว่า การที่คุณอยู่ในภาวะขาดน้ำเพียง 2% ของมวลร่างกาย ก็สามารถทำให้สมองเริ่มแปรปรวน ทำงานได้ไม่เต็มที่ แม้ว่าคุณจะยังไม่ได้รู้สึกกระหายน้ำซะด้วยซ้ำ ระหว่างวันเราจึงควรหมั่นจิบน้ำให้สม่ำเสมอ แนะนำให้วางขวดน้ำไว้ตามที่ต่าง ๆ ที่คุณอยู่เป็นประจำ เริ่มจากหัวเตียง เพื่อที่ตื่นเช้ามาจะได้จิบน้ำได้ทันที วางน้ำขวดใหญ่ไว้ที่โต๊ะทำงาน ในตำแหน่งที่ไม่เกะกะ แต่อยู่ในสายตาตลอดเวลา พอคุณหันไปเห็นขวดน้ำเมื่อไหร่จะได้ไม่ลืมยกขวดขึ้นมาจิบน้ำระหว่างนั่งทำงานไปด้วย
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Stanford ในปี 2014 พบว่า ความคิดสร้างสรรค์จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60% ในระหว่างที่เดิน ซึ่งตรงกับพฤติกรรมชอบการเดินของ Stave Jobs ที่มักเชิญให้ทีมงานระดมความคิดใหม่ ๆ ด้วยการเดินคุยกันไปรอบ ๆ Apple Campus เพราะการเดินจะทำให้คุณได้ปล่อยให้สมองของคุณได้คิดอะไรเพลิน ๆ ระหว่างที่เดินอยู่
จากนี้ไปเมื่อใดที่คุณเริ่มคิดงานไม่ออก ลองลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานของคุณแล้วออกไปเดิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินนอกบ้าน เดินในสวน หรือแม้แต่การเดินบนลู่วิ่งในบ้าน เดินวน ๆ ภายในตัวบ้านก็ได้รับการวิจัยแล้วว่าจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้
การที่คุณทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นประจำทุกวันจะทำให้สมองของคุณเคยชินจนเกิดความเบื่อหน่ายได้อย่างไม่รู้ตัว Jonah Lehrer ได้เขียนบทความใน The Guardian ระบุว่ามีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนให้คนออกไปใช้ชีวิตในรูปแบบอื่น ที่ไม่ใช่กิจวัตรประจำวันเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และกระบวนการคิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เธอแนะนำให้ลองออกไปเที่ยวหาประสบการณ์แปลกใหม่ในพื้นที่ใหม่ที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
ถ้าการไปท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ยากไป ลองวิธีง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อหลีกหนีความซ้ำซากจำเจดู เช่น การเปลี่ยนเส้นทางเดินทางไปทำงาน เปลี่ยนร้านอาหารที่รับประทานเป็นประจำทุกพักเที่ยง ลองสั่งกาแฟร้านใหม่ หรือเปลี่ยนเวลาตื่น แล้วหากิจกรรมใหม่ ๆ มาแทรกก่อนไปทำงาน อาจจะเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ หรือลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ วิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ช่วงฝึกให้สมองต้องแก้ปัญหาใหม่ และเปิดรับประสบการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้จากความเคยชินของการทำกิจวัตรประจำวัน
ในหนังสือ The Art of Slow Writing: Reflections on Time, Craft and Creativity ของ Louise DeSalvo บอกไว้ว่า Joan Didion นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันชอบพกสมุดโน้ตไว้กับตัว และจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในความคิดของเธอไว้ในสมุดโน้ตเล่มนี้ ทำให้ DeSalvo เองเกิดความสนใจในวิธีการนี้ และเริ่มพกสมุดโน้ตบ้าง นอกจากสมุดโน้ตจะทำให้เธอไม่ลืมความคิด ประสบการณ์ และความรู้ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันแล้ว เธอยังได้ไอเดียมากมายจากการกลับมาอ่านสิ่งที่เธอจดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตด้วย ช่วยให้เธอสร้างสรรค์งานเขียนที่มีคุณภาพได้เพิ่มขึ้น
ลองหาสมุดโน้ตเล่มเล็กติดตัวไว้ แล้วเมื่อไหร่ที่คุณมีความคิดอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นข้อคิดที่ได้จากหนังหรือซีรีส์ ประโยคเด็ดโดนใจ ทริคการดูแลต้นไม้ หรือเมนูเด่นในร้านอาหารเจ้าดังที่คุณบังเอิญสไลด์มือถือเจอ หรือแม้แต่ความประทับใจในบทสนทนาง่าย ๆ กับเพื่อนหรือครอบครัวของคุณ แทนที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ไหลผ่านไป ลองจดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตเล่มเล็กของคุณ วันไหนที่คิดงานไม่ออกก็เอาออกมาเปิดเล่น ๆ คุณอาจได้ไอเดียใหม่ ๆ ไปต่อยอดทำงานที่คุณทำอยู่ตอนนี้ก็ได้
สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิก!
ที่มา : Link