ปีที่ผ่านมาภาวะโควิดทำพิษได้เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจอย่างแรง แน่นอนว่าส่งผลกระทบแรงมาถึงธุรกิจด้วย หลายบริษัททั่วโลกต้องเจอกับศึกหนักในการทำงานและการบริหารจัดการคนในองค์กร ความรับผิดชอบของ HR จึงถูกโฟกัสมากขึ้น
ถึงแม้ว่า COVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อพนักงาน บางบริษัทต้องเลิกจ้างพนักงานที่มีอยู่และงดจ้างพนักงานใหม่ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ต้องการเพิ่มจำนวนพนักงานเนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของลูกค้ามีมากขึ้น เป็นเรื่องท้าทายของ HR แต่ละบริษัทที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะสามารถจัดการและขับเคลื่อนองค์กรให้ไปต่อในยุค Future Normal ที่ขยับใกล้เข้ามาได้หรือไม่
การทำงานด้วยทักษะเดิม ๆ นั้นไม่ Work อีกต่อไป HR ยุคใหม่ต้องรู้จักเตรียมพร้อม ปรับรูปแบบการทำงานใหม่ เพื่อพัฒนาตัวเองและองค์กรให้อยู่รอด เรามาดูกันครับว่า 5 แนวโน้มในอนาคตและ 5 ทักษะที่เหมาะสมต่อการทำงานในปี 2021 สำหรับ HR มีอะไรบ้าง
1.Work Remoting– การทำงานผ่านทางไกล หรือที่ไหนก็ได้ สถานการณ์บังคับจากช่วงโควิดและนโยบายภาครัฐทำให้หลายบริษัทต้องประกาศให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from home) เป็นระยะเวลาหนึ่ง บริษัทต่าง ๆ อาจจะกำลังชินกับการให้พนักงานทำงานที่บ้าน มีแนวโน้มว่าบ้านจะกลายเป็นเหมือนออฟฟิศของพนักงานในอนาคต “Home is the new office” บริษัทใหญ่ระดับโลกอย่าง Twitter, Square, และ Capital One โอเคกับการให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ตลอดไปแม้ว่าโควิดจะเลิกระบาดแล้ว ส่วน Microsoft ก็สนับสนุนให้ที่ทำงานเป็น Hybrid Workplace พนักงานจะทำงานที่บ้านหรือจะทำที่ไหนก็ได้ แต่นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โดยภาพรวมพบว่ามีบริษัทจำนวนมากที่ยังไม่พร้อมที่จะให้การทำงานที่บ้านเป็นเรื่องปกติหากต้องปรับให้เป็นรูปแบบการทำงานในระยะยาว เนื่องจากโครงสร้างขององค์กรไม่อำนวยสะดวก และความกังวลของหัวหน้าว่าประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานหรือลูกน้องอาจลดลง แต่นโยบายนี้ก็มีข้อดีเพราะอาจเป็นจุดขายดึงดูดพนักงานใหม่ๆ ที่ต้องการความยืดหยุ่นของการทำงาน เพราะเขาเชื่อว่าศักยภาพของการทำงานไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ทำงาน หลายบริษัทจึงได้เริ่มลงทุนกับเทคโนโลยีเพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลการสื่อสารภายในองค์กร ตรวจสอบวันเวลาเข้าออกและเช็คพิกัดของพนักงานได้แม้ว่าจะต้องอยู่กันคนละที่ ตรวจสอบแม่นยำ ทำให้ข้อจำกัดลดลง สะดวกต่อ Flow การทำงานขององค์กรมากขึ้น
มองหาแอปพลิเคชันช่วย HR จัดการบริหารข้อมูลพนักงานในองค์กร ต้อง HappyWork
ทำงานที่บ้าน / เช็คเข้างาน ขาด ลา มาสาย / เบิกค่าใช้จ่าย / ยื่นภาษี / ทำบัญชีเงินเดือน / แจ้งเตือนข่าวสำคัญ / ให้รางวัล
2.Employee Experience – การจัดการองค์กรของ HR ช่วงก่อนโควิดระบาดจนถึงตอนนี้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในช่วงโควิดระบาดแรกๆ แต่ละองค์กรต้องสัมภาษณ์พนักงานเข้าใหม่ผ่านออนไลน์ มีการประชุมงานแบบ Virtual Meeting ไม่ว่าจะผ่าน Zoom หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ หลายคนคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจทำให้พนักงานในองค์กรขาดการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กันในองค์กร แต่จริง ๆ แล้วการแพร่ระบาดของโควิดนั้นส่งผลดีต่อประสบการณ์การทำงานของพนักงาน ในสหรัฐอเมริกามีผลสำรวจว่าการทำงานระยะไกลจากที่บ้านช่วยเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมที่ดีในหมู่เพื่อนพนักงานด้วยกัน ขณะที่บางบริษัทก็พบว่าการประชุมพนักงานออนไลน์แบบเสมือนจริงที่กระตุ้นให้เกิดการสนทนากันแบบจริง ๆ ก็มีประสิทธิภาพไม่ต่างกับการเจอหรือพูดคุยกันแบบต่อหน้า แม้ว่าจะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงไหน การสื่อสารยังคงเป็นเรื่องสำคัญขององค์กร HR ต้องปรับรูปแบบการสื่อสารที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานได้ เช่น อาจสร้างพื้นที่การทำงานที่หลากหลายให้เกิดขึ้นภายในองค์กร Sharing Space ที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน หรือการจัดการ Work Life Balance ให้พนักงานประทับใจและพึงพอใจ เพราะประสบการณ์ที่ดีนั้นส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมขององค์กร
3.Employee Health and Well-being – สุขภาพจิตและสุขภาพกายของพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะมีโควิดอยู่หรือไม่ ก็ควรใส่ใจกับสุขภาพของพนักงานให้มากขึ้น เพราะสุขภาพและความรู้สึกที่ดีของพนักงานนั้นเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่ดีในการทำงานเช่นกัน การลงทุนเพื่อผลประโยชน์ของพนักงานมีแนวโน้มที่จะสร้างความภักดีของพนักงานและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ หลายบริษัทจึงหันมาห่วงใยสุขภาพของพนักงานมีการเตรียมพร้อมกลยุทธ์การดูแลสุขภาพของพนักงานมากขึ้น ในปี 2021 มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงโปรแกรมสวัสดิการของบริษัท นอกจากทำประกันสุขภาพอาจมีการสมัครสมาชิกฟิตเนสเข้ามาเพิ่มให้ด้วย รวมไปถึงดูแลด้านโภชนาการอาหารการกินด้วย และพร้อมทั้งมี Solution สำหรับให้บริการสุขภาพอารมณ์และสุขภาพจิตออนไลน์ หรืออาจเพิ่มทางเลือกให้พนักงานสามารถเลือกสวัสดิการที่ตัวเองสนใจหรือต้องการได้ด้วยตัวเอง ที่เหลือบริษัทซับพอร์ทให้ตามงบประมาณที่มี เป็นการช่วยเพิ่ม Employee Experience ได้อีกด้วยตัวอย่างของ Google องค์กรสากลระดับโลกที่เลิกใช้ตัวชี้วัดแบบเก่า ๆ อย่างเกรดจากมหาวิทยาลัยในการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาทำงาน แต่ใช้แนวทาง Predictive Hiring ในการรับสมัครพนักงานใหม่ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Predictive ของตัวเองในการค้นหาบุคลากร โดยนำการวัดคุณลักษณะสำคัญที่สัมพันธ์กับความสำเร็จในการทำงานมาใช้ แบ่งเป็น 5 Key ได้แก่ Cognitive Skills ทักษะทางการคิดและวิเคราะห์ / Coding Ability ความสามารถด้านโปรแกรมเมอร์ / Leadership ทักษะความเป็นผู้นำ / Humility ความอ่อนน้อมถ่อมตน และ Ownership ความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร
ทั้งนี้การที่ HR จะนำเทคโนโลยี Predictive Analytics ไปใช้ในตำแหน่งงาน สามารถสร้างความแตกต่างในกระบวนการรับสมัครพนักงาน ตลอดจนถึงขั้นตอนการรักษาพนักงานที่มีความสามารถสูงไว้กับองค์กร โดยสามารถระบุความเป็นไปได้และความเสี่ยง ในการลาออกของพนักงานในระดับบุคคลได้ เป็นต้น
5.Digital Tracking – เทคโนโลยีการตรวจสอบและติดตามงานแบบดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพสูงในอนาคต เมื่อการทำงานแบบคนละที่ของพนักงานยังเป็นเรื่องยากสำหรับหลายองค์กร และทำให้เกิดประเด็นหลายอย่างระหว่างนายจ้างกับลูกน้องตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เป็นเรื่องปกติที่หัวหน้างานจำนวนมากต้องการติดตามและตรวจสอบพนักงานของตัวเอง หลายองค์กรได้ลงทุนกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จะช่วยตรวจสอบพฤติกรรมประจำวันของพนักงานที่จะช่วยให้จัดระเบียบการทำงานในองค์กรได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเครื่องมือติดตามอาจเป็นเรื่องมาตรฐานและมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกตรวจสอบการเข้างาน Check in / Check out แจ้งเตือนข้อมูล ไปจนถึงสามารถตรวจสอบการทำงานพนักงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
เมื่อระดับความสามารถของเทคโนโลยีการตรวจสอบพนักงานในองค์กรเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่ควรทำและควรตรวจสอบ เพราะการตรวจสอบพนักงานนั้นแม้จะทำได้ง่ายแต่ก็อาจเปราะบางและมีช่องว่างเช่นกัน เช่น การใช้เครื่องมือติดตามพนักงานบางอย่างอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกสอดแนมมากเกินไป เกิดความกดดัน ไม่พอใจนายจ้าง นำไปสู่การสร้างความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกน้องได้ วิธีการแก้ไขคือการสร้างความไว้วางใจ บอกให้พนักงานรับรู้ถึง “กฎ” ที่มีความโปร่งใส เหตุผลว่าทำไมจึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ องค์กรของคุณให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือนี้มากแค่ไหน และจะสามารถช่วยส่งเสริมประสิทธิผลของพนักงานได้อย่างไร แน่นอนว่าเมื่อรับทราบกฎแล้วต้องได้รับความสมัครใจจากพนักงานด้วย สุดท้ายแล้วการตรวจสอบที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมาปรับปรุงประสบการณ์ที่ดีของพนักงานต่อไป
หากคุณเป็น HR หรือผู้บริหารที่เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์ทั้ง 5 และมีทักษะที่ดีตาม 5ข้อที่กล่าวมาเราเชื่อว่าองค์กรของคุณจะพัฒนาและอยู่รอดในทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างสบาย
ที่มา : http://happywork.jenosize.com/