การเลิกจ้างมี ๒ กรณี คือ
๑) เลิกจ้างโดยชัดแจ้ง ซึ่งนายจ้างจะบอกกล่าวเลิกจ้างด้วยวาจา หรือเป็นหนังสือก็ได้
๒) เลิกจ้างโดยปริยาย แปลว่านายจ้างไม่ได้พูดตรงๆ ว่าจะเลิกจ้าง แต่มีพฤติการณ์ว่าจะไม่ให้ทำงานต่อไป โดยการกระทำการใดๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานต่อไปได้ ซึ่งศาลฎีกาเคยตัดสินไว้หลายกรณี เช่น ลดวันทำงานลง และจ่ายค่าจ้างเฉพาะวันที่มาทำงาน หรือนายจ้างบอก รปภ ว่าถ้าลูกจ้างคนนี้มาทำงานห้ามเข้ามา หรือนายจ้างบอกกับทุกคนในบริษัทว่าห้ามคุยกับลูกจ้างคนนี้ ถือเป็น "เลิกจ้างโดยปริยาย" มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
แต่คดีนี้ (ฎีกาที่ ๓๗๘๐/๒๕๔๒) นายจ้างลดตำแหน่งของลูกจ้างลงจากเป็นพนักงานระดับ ๖ เป็นพนักงานขายระดับ ๕ แต่ค่าจ้างไม่ลดยังรับเท่าเดิม ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำของนายจ้างไม่ใช่เป็นการกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไป จึงไม่เป็นการเลิกจ้าง จะฟ้องเรียกค่าชดเชยไม่ได้
ข้อสังเกต
แต่กรณีนี้ถือเป็นการเปลี่ยสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ไม่สามารถทำได้
ที่มา: หนังสือกฎหมายคุ้มครองแรงงาน, รองศาสตราจารย์ตรีเนตร สาระพงษ์, หน้า ๔๖๓
โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปที่ผ่านการรองรับมาตรฐานกรมสรรพากร เพื่อการลงบัญชีที่ถูกต้องแม่นยำ เลือกโปรแกรมบัญชีจาก Prosoft