การตลาด (Marketing) คือศาสตร์แห่งการทำให้ธุรกิจนั้นก้าวไปข้างหน้าจนลูกค้ามาซื้อ การตลาดแบบง่ายๆ ที่คุณเห็นตั้งแต่นอนอยู่บนเตียงก็คือ "การโฆษณา" (Advertising) ไม่เชื่อก็ลองสไลด์มือถือเฟซบุ้คของคุณดูก็ได้ โฆษณาก็จะโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอแบบอัตโนมัติ สิ่งที่การตลาดทำให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดของธุรกิจก็คือการตัดสินใจซื้อก็จะต้องเริ่มจากงานโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย จนทำให้คนดูเกิดความอยากและมีความต้องการ จากนั้นก็เริ่มเปรียบเทียบและตัดสินใจซื้อในที่สุด คุณอาจจะคิดว่างานโฆษณาน่าจะเหมาะกับธุรกิจแบบทั่วไป (B2C) มากกว่า และเน้นคนเห็น แต่ธุรกิจของคุณที่เป็นแบบองค์กร (B2B) ที่ต้องทำการซื้อขายระหว่างองค์กรด้วยกัน เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเฉพาะทาง ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ธุรกิจรับเหมาด้านไอที (System Integrator) ฯลฯ ไม่น่าจะต้องเน้นอะไรกับการตลาดมากนัก (เพราะลูกค้าที่ซื้อได้มีไม่มาก) อาจคิดว่าน่าจะเอาเงินทำโฆษณาไปเน้นการสร้างทีมขายคุ้มกว่าเยอะ
1. เพื่อทำให้ลูกค้าติดต่อคุณเวลาที่พวกเขามีความต้องการเป็นคนแรก
การทำโฆษณาที่ง่ายที่สุดของการตลาดแบบองค์กรคือโฆษณาออนไลน์บนกูเกิ้ลด้วยการทำให้บริษัทของคุณติดหน้าแรกจากคำค้นที่ลูกค้าป้อนความต้องการของพวกเขาจากเทคนิค Google AdWord ด้วยการใช้เงินซื้อคีย์เวิร์ดที่ตรงกับธุรกิจของคุณ เช่น ธุรกิจติดตั้งแอร์ คีย์เวิร์ดต้องมีคำว่ารับติดตั้งแอร์แบบองค์กร เป็นต้น วิธีนี้สามารถหวังผลได้จากการที่ลูกค้าเป็นผู้คลิกเว็บไซต์และติดต่อด้วยการป้อนข้อมูล ส่งอีเมล หรือโทรเข้าบริษัทคุณเพื่อบอกความต้องการของพวกเขา ทำให้คุณสามารถได้ลีดลูกค้าใหม่แบบง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะโดนจับไปเทียบราคาก็ตาม แต่ยังไงมันก็เป็นวิธีที่คุณแทบไม่ต้องลงแรงอะไรมากนอกจากการใช้เงิน
2. เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรของคุณ
บริษัทคุณเมื่อมีเงินและเวลามากพอ ถ้าอยากเป็นเบอร์ต้นๆ ของตลาด การจัดงานสัมมนาเชิญลูกค้าผู้มีเกียรติพร้อมกับหัวข้อเรื่องเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เพื่อทำให้ลูกค้าเห็นวิสัยทัศน์และมอบความมั่นใจให้กับธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น เผลอๆ ลูกค้าซื้อเพิ่มจากในงานเลยด้วยซ้ำ วิธีที่ควรทำเพิ่มเติมคือการเชิญสื่อมวลชนมาเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อเว็บไซต์ธุรกิจที่อยู่ในแวดวงเดียวกับคุณและลูกค้า เพื่อให้พวกเขาเป็นกระบอกเสียงในงานประชาสัมพันธ์ ผลลัพธ์ที่ได้คือบริษัทคุณจะมีความน่าเชื่อถือและทำให้ลูกค้านึกถึงได้เป็นอันดับต้นๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
3. เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นผู้ค้นหาข้อมูลด้วยตนเองจากการตลาดของคุณ
ยุคนี้เป็นยุคอินเทอร์เน็ตที่ลูกค้าแทบทุกคนต้องการเป็นผู้ตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยตนเอง พวกเขาหรือคุณเองมีแนวโน้มว่าจะเชื่อนักขายน้อยลง (ถ้านักขายเป็นผู้ให้ข้อมูลเพียงอย่างเดียว) ลูกค้าจึงต้องการ "ความจริง" จากคุณสมบัติและประโยชน์ของสินค้าและบริการ พวกเขาจึงค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณและคู่แข่งเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ คุณจึงควรทำการตลาดบนเว็บไซต์หรือเขียนบทความธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลของสินค้าและบริการเพื่อทำให้ลูกค้าค้นหาคุณจนเจอ นอกจากนี้ขอแนะนำการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบวีดีโอบนยูทูปและโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ้ค ลิงก์อิน ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าเป็นผู้ศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วยตนเอง
ที่มา : www.sales100million.com