แม้เราจะเรียนรู้เรื่องเครื่องมือการตลาดมามากมาย แต่เมื่อถึงจุดที่ย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งก็ไม่ง่ายแล้ว และนี่คือเทคนิคที่ไม่ได้ง่ายเหมือนชื่อเลย แบรนด์ที่จะอยู่รอดได้ คือแบรนด์ที่ใส่ใจรอบด้านของการใช้ชีวิตลูกค้าอย่างแท้จริง
B – Beyond Tools : การใช้เครื่องมือ (Tool) หรือ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุค 5G ที่กำลังมาถึงนั้น ต้องไม่ลืมว่า “อุปกรณ์” ไม่มีความสำคัญเท่าการใช้งานจริง ดังนั้น นักการตลาดยุคใหม่ต้องวางกลยุทธ์ให้ชัดและมีเป้าหมายที่แน่นอน เพื่อนำไปปรับใช้กับอุปกรณ์ที่เหมาะสม เพราะเครื่องมือยุคนี้มีให้เลือกหลากหลาย หากลงทุนอุปกรณ์แบบไม่มีเป้าหมายก็จะเสียต้นทุนไปแบบเปล่าประโยชน์
A – Advocacy is the Key : การเป็นกระบอกเสียงด้วยตัวแบรนด์เอง มีทั้งข้อดีและข้อเสียพร้อมๆ กัน การสื่อสารแบบโฆษณาล้วนๆ ไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์ให้ลูกค้านำไปเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจและเชื่อมั่นในแบรนด์เลย ย่อมเป็นการทำงานที่เสียเปล่า ดังนั้น แบรนด์จึงควรสร้างความรักในแบรนด์ให้แก่กลุ่มลูกค้าหลัก เพื่อที่เขาจะเป็นกระบอกเสียงที่บอกต่อแก่ลูกค้ากลุ่มอื่นๆ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับสินค้าของเรา
S – Strategic Shift : รูปแบบของ 4P ยุคใหม่ไม่ใช่ความหมายแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่ 4P ยุคใหม่ คือ
I – Integrated Platform : ดิจิทัลไม่ใช่แค่สื่ออีกต่อไป แต่เป็นชีวิตและความเปลี่ยนแปลงในโลกของผู้บริโภคไปแล้ว รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ก็ไม่ใช่แบบเดิม นักการตลาดต้องเข้าใจ Customer journey อย่างแท้จริงและออกแบบช่องทางการขายให้สอดคล้องกับผู้บริโภคยุคนี้ให้มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกๆ จังหวะเวลา
C – Customer Experience : ยุคนี้จะแยกประสบการณ์ออกเป็น Online หรือ Offline ไม่ได้แล้ว แต่ต้องผนึกรวมกันเป็น All Experience หรือที่นักการตลาดชอบเรียกว่า Omni Channel ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทุกด้านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการจำหน่าย ประสบการณ์กับสินค้า พนักงานขาย คอนเทนต์และการสื่อสารทุกรูปแบบ เพราะการเป็นสินค้าหรือแบรนด์ที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา เรียกว่าเป็นจังหวะชีวิตที่สำคัญของแบรนด์
ที่มา : https://www.thumbsup.in.th/