อยากพาร้าน eCommerce ของคุณไปให้ไกลดังฝัน? ฟังทางนี้!

อยากพาร้าน eCommerce ของคุณไปให้ไกลดังฝัน? ฟังทางนี้!


คุณอาจคลุกคลีอยู่ในวงการ eCommerce จนเรียกได้ว่าคุณเองก็คงมีเกร็ดความรู้แนะนำมือใหม่ในวงการ eCommerce อยู่ไม่น้อย ถึงการสร้างธุรกิจ eCommerce ที่ประสบความสำเร็จ แต่ในบางครั้ง การได้ถอยกลับมารีวิวแพล็ตฟอร์มของตัวเองก็นับเป็นเรื่องดี ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับมาดูถึงเรื่องราวที่คุณกำลังบอกเล่าและคิดถึงวิธีที่คุณจะทำให้เรื่องราวเหล่านั้นดึงดูดลูกค้าเข้าสู่ร้าน eCommerce ของคุณให้ได้มากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายเป็นต้นและนี่ก็คือกลยุทธ์บางส่วนที่คุณในฐานะเจ้าของร้านค้าออนไลน์อาจนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้ร้าน eCommerce ของคุณโดดเด่นเหนือคู่แข่ง

1.การสร้างหน้า Homepage ที่หน้าดึงดูด
ผลวิจัยจาก Kissmetrics เผย กว่า 93% ของผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อสินค้าบนหน้าเว็บไซต์จากความสวยงามของหน้าเว็บ ดังนั้นคุณควรสร้างหน้า homepage ที่ดูสวยงามและมีความดึงดูด คุณอาจเลือกใช้ภาพกว้างเต็มจอ หรืออาจเลือกใช้แบบตัวหนังสือที่ดูเรียบง่าย ไปจนถึงการจัดวางหน้าเว็บให้ดูสบายตา สร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ และการพาดหัวข้อที่เข้าใจง่าย

2.เล่าเรื่องราวของคุณบนหน้า ‘เกี่ยวกับเรา’ ด้วยเหนือหาที่น่าติดตาม
เชื่อเถิดว่าคนเรามักเลือกที่จะผูกพันกับแบรนด์ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าติดตาม ซึ่งหากคุณสามารถทำให้ลูกค้าผูกใจไว้กับเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์คุณแล้ว ลูกค้าของคุณจะกลายเป็นผู้แนะนำแบรนด์ที่ดีที่สุดของคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่ควรละเลยความสำคัญของหน้า ‘เกี่ยวกับเรา’ คุณควรให้เวลากับมันเพื่อเล่าเรื่องราวที่ตราตรึงจิตใจของผู้อ่านให้ได้มากที่สุด อาทิเช่น คำแนะนำสินค้าของบุคคลที่เชื่อถือได้ ความสำเร็จที่ผ่านมา หรือข้อมูลการติดต่อที่สำคัญต่าง ๆ ไปจนถึงลิงก์เข้าสู่หน้า Social Media ต่าง ๆ ของแบรนด์ การแนะนำทีมงาน และเรื่องราวเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของแบรนด์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณถ่ายทอดควรแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เพื่อที่คุณจะได้เข้าถึงจิตใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.การเสนอช่องทางการชำระเงินที่เป็นที่นิยม
หากพูดถึงเรื่องการชำระเงินแล้ว คุณควรมีตัวเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้าของคุณ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้กลางทางเพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถชำระเงินค่าสินค้าได้ด้วยวิธีที่พวกเขาถนัด คุณควรนำ Payment Gateway มาใช้เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกที่จะบันทึกวิธีการชำระเงินเอาไว้ได้เพื่อความสะดวกในการชำระเงินค่าสินค้าในครั้งต่อ ๆ ไป เชื่อเถิดว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ลูกค้าของคุณปิดหน้าต่างเว็บไซต์ของคุณในขั้นตอนสุดท้ายอย่างการชำระเงิน

4.เสนอบริการจัดส่งสินค้าฟรี
เชื่อหรือไม่ว่าค่าบริการการจัดส่งสินค้าที่แพงเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ลูกค้าหลายคนเลือกที่จะยุติการซื้อ ดังนั้นการเสนอโปรโมชั่นจัดส่งฟรีจึงเป็นแรงจูงใจที่ได้ผลดีเกินคาด หลายครั้งเมื่อลูกค้าเข้าถึงขั้นตอนสุดท้ายในการสั่งซื้อสินค้า การเห็นยอดบิลที่เพิ่มขึ้นจากค่าจัดส่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ลูกค้าของคุณอาจเลือกยุติการซื้อแล้วหันไปหาคู่แข่ง (โดยเฉพาะคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Amazon ที่ให้บริการส่งฟรีเป็นต้น) ดังนั้น คุณควรโฆษณาโปรโมชั่น “ฟรี! ค่าจัดส่ง” ออกไปอย่างทั่วถึงบนหน้าเว็บของคุณ หรือคุณอาจใช้โปรโมชั่น ฟรีค่าส่ง เพื่อกระตุ้นยอดขายได้โดยการเสนอบริการจัดส่งฟรีเมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้าในราคาขั้นต่ำที่คุณตั้งขึ้นก็ย่อมได้

5.การออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบสนองได้ไวแบบ Responsive 
คุณควรออกแบบเว็บ eCommerce ของคุณให้ตอบสนองต่อหน้าจอของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเป็นหลัก ข้อมูลจาก Business Insider เผยว่าภายในปี 2020 นี้ การซื้อขายออนไลน์กว่า 45% จะเกิดขึ้นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้น ดังนั้นการปรับรูปแบบของเว็บไซต์ของคุณให้สามารถตอบสนองบนหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ดีจะช่วยให้คุณรักษากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ซึ่งหากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแล้วละก็ บทความนี้จะช่วยแนะนำเคล็ดลับในการออกแบบ UI (User Interface) ที่ดีได้

6.จับตาดูคู่แข่งของคุณให้ดี
Don’t get complacent even if you are doing well. อย่ามั่นใจในความสำเร็จของตนเองจนลืมเช็คผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งของคุณ นอกจากนี้คุณควรสอดส่องการออกแบบหน้าเว็บของคู่แข่งให้ดี รวมไปถึงการอ่านรีวิวของลูกค้าของคู่แข่ง ไปจนถึงการสอดส่องการรีวิวประสบการณ์ของลูกค้าของพวกเขา

7.การใช้ภาพผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดสูง
ตรวจเช็คให้ดีว่ารูปภาพที่คุณใช้บนหน้าเว็บ โดยเฉพาะรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคุณเป็นภาพที่มีความละเอียดสูง หรือถ้าจะให้ดีคุณอาจเพิ่มเครื่องมือในการซูมรูปภาพผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าของคุณสามารถส่องผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างละเอียดจากทุกมุมที่พวกเขาต้องการ ถ้าอยากโชว์เหนือคุณอาจใช้เครื่องมือถ่ายภาพผลิตภัณฑ์แบบ 360 องศากันไปเลย นอกจากนี้คุณอาจมีภาพที่แสดงถึงวิธีการใช้งานผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ลูกค้าของคุณตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น

8.การทำการตลาดผ่านอีเมล
อย่าละเลยการทำการตลาดผ่านอีเมลด้วยการยิงโฆษณาไปยังฐานลูกค้าเดิมของคุณ คุณอาจส่งข้อความง่าย ๆ อย่างเช่น “สวัสดี! เราคิดถึงคุณ” หรือ “ขอบคุณที่ใช้บริการเราในปีที่ผ่านมา นี่คือคูปองส่วนลด 20% สำหรับเพื่อน หรือคนในครอบครัวของคุณ!” หรือ “ขอเสนอคอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อคุณ!”เป็นต้น โดยอีเมลที่คุณส่งออกไปควรเป็นอีเมลที่น่าดึงดูด รวมไปถึงหัวข้อที่สั้น กระชับ และเตะตาผู้อ่านให้อยากเปิดดู

9.การเขียนบล็อกเพื่อแบ่งปันไอเดียและแชร์เรื่องราวต่าง ๆ 
คุณควรเขียนบล็อกเพื่อเสนอสิ่งดี ๆ หรือไอเดียเก๋ ๆ ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นข้อแนะนำต่าง ๆ ไปจนถึงข่าวสารหรือเทรนด์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมของคุณเป็นต้น คนส่วนใหญ่ชอบที่จะรับฟังเรื่องราวจากผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านวิดีโอ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวเบื้องหลังการก่อตั้งแบรนด์ คุณควรสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย และควรปรับจูนเนื้อหาของคุณให้เข้ากับ Search Engine ต่าง ๆ เพื่อให้เนื้อหาของคุณถูกจัดลำดับอยู่ในลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหา

ที่มา : businesslinx.globallinker.com

 668
ผู้เข้าชม
คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

ลูกค้าโปรซอฟท์ อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ศูนย์ Prosoft Training Center
ติดต่อเรา

ติดต่อฝ่ายขาย

02-402-6117, 081-359-6920

sale@prosoft.co.th

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมบัญชี

02-096-4900 กด 2 (AUTO)

02-402-8107

support@prosoftwinspeed.com

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมเงินเดือน

02-096-4900 กด 3 (AUTO)

02-402-8138

support@prosofthrmi.com

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์