การตลาดออนไลน์มีข้อดีคือความสามารถในการ ‘สร้างการรับรู้’ โดยใช้งบประมาณเริ่มต้นที่ต่ำ และสามารถวัดผลได้เร็วและสะดวกกว่าสื่ออื่น ๆ ส่วนข้อเสียคือ มีการแข่งขันกันสูงเพื่อให้แบรนด์ของตนเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าคู่แข่ง กรณีที่แบรนด์ของคุณยังไม่เป็นที่รู้จัก หากไม่ทำการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ ธุรกิจของคุณจะไม่สามารถมีตัวตนบนโลกออนไลน์ได้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำในขั้นตอนนี้คือ การสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของคุณ
2. Discovery การค้นพบขั้นตอนนี้ผู้คนจะเริ่มได้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ หรือมีการรับรู้ว่า มีสินค้าหรือบริการที่น่าจะตอบสนองความต้องการของตนเองได้ กลุ่มเป้าหมายจะเริ่มค้นหาข้อมูลเพื่อเพิ่มเติม ซึ่งเว็บไซต์ Google เป็นเว็บแรกๆที่คนจะนึกถึง และในขั้นตอนนี้เองกลุ่มเป้าหมายจะเริ่มค้นพบแบรนด์ของคุณ ในกรณีที่เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกบนผลการค้นหาของ Google การจะทำแบรนด์ให้ติด Google นั้น คอนเทนต์ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จุดประสงค์ในขั้นตอนนี้ไม่ใช่เพื่อการขาย แต่ให้โฟกัสไปที่การให้ข้อมูลที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
3 Consideration การพิจารณาเพื่อให้ลูกค้าจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการ เราจึงต้องให้ข้อมูลว่าสินค้าหรือบริการของเราช่วยให้ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นดีขึ้นได้อย่างไร และทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของคุณ ในขั้นตอนนี้ผู้คนยังไม่ปักใจเชื่อคุณซะทีเดียว เพราะยังมีข้อมูลจากเว็บไซต์ของคู่แข่งอีกมากมายที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน ผู้บริโภคก็เริ่มเห็นความแตกต่างและเริ่มเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รูปแบบคอนเทนต์ในขั้นตอนนี้ ควรจะเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ ประเภท How-to ให้ความรู้ในการใช้สินค้า หรือข้อมูลเชิงลึกของสินค้าหรือบริการนั้นๆ
4 Conversion การเปลี่ยนเป็นลูกค้าเพื่อปิดการขายได้สำเร็จ การแสดงรายละเอียดและข้อมูลของสินค้าโดยนำเสนอจุดเด่นและนำเสนอคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ถือเป็นสิ่งสำคัญ ในขั้นตอนนี้ผู้บริโภคมีความสนใจอย่างยิ่งที่ต้องการจะซื้อสินค้าของคุณ เพียงกระตุ้นให้ถูกจุด ผู้บริโภคก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้คุณในทันที สิ่งที่คุณต้องทำในขั้นตอนนี้ก็คือ Social Proof หรือ Testimonials ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และใช้ระบบการรับชำระเงินที่น่าเชื่อถือและมีระบบป้องกันสูงเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า
5.Customer Relationship การสานสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อนำไปสู่การเป็นลูกค้าในระยะยาว ควรสร้างคอนเทนต์สำหรับลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการมาแล้วโดยเฉพาะ แต่งานของเรายังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังต้องมีการ ขอรีวิวจากลูกค้า รับประกันสินค้า และให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าตัวอื่น ๆ ของบริษัท เพื่อนำไปสู่การซื้อซ้ำ หรือใช้สินค้าหลาย ๆ อย่างร่วมกัน
สิ่งที่คุณต้องทำให้ขั้นตอนนี้ คือการออกแบบการสื่อสารที่แตกต่างจากขั้นตอนแรก ๆ โดยให้คุณคำนวณมูลค่าทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าแต่ละราย มีสูตรคำนวณดังนี้
Customer Lifetime Value (CLV) = ระยะเวลาที่ลูกค้าใช้บริการ (ปี) x (จำนวนสัปดาห์ใน 1 ปี x มูลค่าเฉลี่ยของลูกค้า x กำไรเฉลี่ยของลูกค้า)
เมื่อรู้ตัวเลขของ Customer Lifetime Value แล้ว นั่นคือตัวเลขที่ลูกค้าคนหนึ่งๆจะสร้างกำไรให้กับแบรนด์ งบประมาณที่ใช้ในการรักษาฐานลูกค้า ไม่ควรเกินตัวเลขนี้ เพราะหมายถึงโอกาสที่จะขาดทุน
6 Retention การรักษาฐานลูกค้าเดิมกระบวนการบริการหลังการขายถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ เพราะสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำได้ ขั้นตอนนี้ต้องออกแบบคอนเทนต์ที่แตกต่างออกไป เพราะจะเน้นที่การเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นลูกค้าที่คุ้นเคยกับสินค้าเป็นอย่างดี และหากสินค้าหรือบริการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีแล้วด้วยนั้น การยื่นข้อเสนอเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้อย่างไม่ยาก
ที่มา : digitorystyle.com