ชาว SME ต้องรู้! 5 แนวทางบริหารเงินและภาษีของธุรกิจ

ชาว SME ต้องรู้! 5 แนวทางบริหารเงินและภาษีของธุรกิจ

ในยุคที่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ฝันอยากจะมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองจากไอเดียความชอบหรือความหลงใหลส่วนตัวในเรื่องบางเรื่องและแปรรูปออกมาเป็นธุรกิจที่รัก ซึ่งการเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ และต้องจัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด อาจทำให้เผลอลืมไปว่า การวางแผนบริหารการเงิน บัญชี และภาษีนั้น คือสิ่งสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดควรต้องใส่ใจ บทความนี้จึงขอหยิบ 5 แนวทางสำหรับว่าที่เจ้าของกิจการสามารถนำไปใช้วางแผนงานเพื่อเป็นอาวุธนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ

1. รูปแบบการจดทะเบียนธุรกิจ มีผลต่องานบัญชีและอัตราภาษี
เมื่อเริ่มต้นรูปแบบการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมีความสำคัญต่อการวางแผนภาษีในอนาคต เพราะการจัดตั้งแบบ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล นั้นเจ้าของกิจการควรทำความเข้าใจให้ดี ด้วยแต่ละประเภทมีระบบการจัดเก็บภาษีที่แตกต่างกันล้วนมีทั้งข้อดีข้อด้อย ซึ่งการจดทะเบียนแบบนิติบุคคลนั้นอาจมีข้อดีตรงที่ในระยะยาวจะมีอัตราภาษีคงที่มากกว่าแบบบุคคลธรรมดา แต่ขณะเดียวกันก็มีความยุ่งยากในเรื่องการจัดการบัญชี และการจัดทำเอกสารต่าง ๆ เพื่อแสดงต่อกรมสรรพากร

2. แยกบัญชี – เก็บใบเสร็จ – หาคนคอยดูแลบัญชี
นิติบุคคลส่วนใหญ่เลือกวิธีการที่สะดวกโดยการจ้างนักบัญชีหรือบริษัทดูแลบัญชีที่มีความละเอียด รอบคอบ เข้าใจกฎหมาย และมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงมาช่วยดูแล ในขณะที่เจ้าของกิจการเองควรรู้ว่า รายจ่ายส่วนบุคคลและรายจ่ายของบริษัทควรแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และรายรับรายจ่ายต่าง ๆ ของธุรกิจควรเก็บใบเสร็จเอาไว้ให้ครบถ้วน เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการแสดงรายจ่ายต่าง ๆ ของธุรกิจซึ่งรายจ่ายบางประเภทสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้

3. ศึกษาเรื่องการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
แม้จะมีอัตราการจัดเก็บที่ต่างกัน แต่ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องชำระภาษีตามกำหนด ซึ่งจะมีภาษีอยู่ 5 ประเภทที่แวะเวียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจที่เจ้าของกิจการควรต้องรู้จักและทำความเข้าใจ คือ

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ ภงด.50 และ ภงด.51 เป็นรายจ่ายที่นิติบุคคลทั้งหมดมีหน้าที่ต้องจ่าย
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือภาษีที่ถูกหักไว้ล่วงหน้า ซึ่งภาษีประเภทนี้ สามารถขอคืนได้ภายหลังผ่านการขอลดหย่อนตามเงื่อนไขต่าง ๆ
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีที่เก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเจ้าของกิจการ หรือธุรกิจให้บริการประเภทต่าง ๆ
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีประเภทนี้มีการจัดเก็บเฉพาะบางธุรกิจที่กฎหมายกำหนดเอาไว้พิเศษ เช่น ธนาคาร หรือ อสังหาริมทรัพย์
- อากรแสตมป์ เป็นเงินจำนวนไม่มากคล้ายกับค่าธรรมเนียม ที่เรียกเก็บในการทำตราสารระหว่างกัน 28 ลักษณะ ตามที่สรรพากรระบุไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 4.0 นี้ยังมีบริการสั่งจ่ายภาษีทางอินเทอร์เน็ต (Krungsri E-tax) ง่าย ๆ เพียงดำเนินการผ่านระบบ e-Revenue ของกรมสรรพากร และนำรหัสมาชำระผ่าน Krungsri CashLink ช่วยเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น เปลี่ยนปัญหาน่าปวดหัวทั้งเรื่องการเดินทางและการบริหารเวลาให้กลายเป็นเรื่องง่ายในทันที

4. หาช่องทางการลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมกับธุรกิจ
จากนโยบายของภาครัฐที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจ SMEs โดยให้สิทธิในการหักลดหย่อน ไม่ว่าจะมาจากค่าวิจัยและพัฒนา ค่าฝึกอบรมพนักงาน ค่าประกันภัยและค่าประกันชีวิตพนักงาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำหลักฐานมาแสดงในการขอลดหย่อนภาษีได้ทั้งสิ้น หากเจ้าของกิจการศึกษาอย่างครบถ้วน จะสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้อย่างคุ้มค่า

5. เหตุไม่คาดฝันและแนวทางแก้ไข
แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจ มักมีปัญหาทั้งเล็กใหญ่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่จำไว้ว่าหากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบบัญชีและภาษีขึ้นล่ะก็ ไม่ควรลังเลในการขอคำปรึกษาจากหน่วยงานรัฐอย่างกรมสรรพากรโดยตรง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขที่ถูกต้อง ตรงจุดที่สุด เพราะมีหลายครั้งที่ SMEs หรือ Start up หน้าใหม่ ตีความทางกฎหมายแบบผิด ๆ จนส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้

Cr.krungsri.com

 885
ผู้เข้าชม
คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

ลูกค้าโปรซอฟท์ อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ศูนย์ Prosoft Training Center
ติดต่อเรา

ติดต่อฝ่ายขาย

02-402-6117, 081-359-6920

sale@prosoft.co.th

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมบัญชี

02-096-4900 กด 2 (AUTO)

02-402-8107

support@prosoftwinspeed.com

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมเงินเดือน

02-096-4900 กด 3 (AUTO)

02-402-8138

support@prosofthrmi.com

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์