เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 56 ว่า เป็นปีของความท้าทายรวมถึงโอกาสใหม่สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดย ความท้าทายสำคัญของตลาดหุ้นไทยปี 55 คือ ความสามารถในการฟื้นตัวของกำไรสุทธิของ บจ.จากภัยน้ำท่วมในปี 54 ซึ่งพบว่าการฟื้นตัวดีเกินคาดส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นทำสถิติ สูงสุดในรอบ 16 ปี ได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งใน โลก
สำหรับความท้าทายในปี 56 ได้แก่ การเริ่มต้นปีด้วยระดับดัชนีที่ไม่ได้ต่ำเหมือนกับต้นปี 55 (Forward PER ของต้นปี 56 ประมาณ 12.50 เท่า เทียบกับ Forward PER ของต้นปี 2555 เท่ากับ 10.8 เท่า) ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่สุดแม้สภาพคล่องส่วนเกินจะยังคงสามารถผลักดันตลาด ให้ปรับตัวขึ้นได้แต่ในที่สุดนักลงทุนจะหันกลับมาพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ประกอบนอกจากนี้หากพิจารณาอัตราผลตอบแทนย้อนหลังของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้น ในเอเชียรวมถึง ดัชนี MSCI Asia ex Japan พบว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาให้ผลตอบแทนเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นอา เซียนแล้วในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาดังนั้นการที่ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้นใน เอเชียจึงเป็นสิ่งที่ท้า ท้ายซึ่งต้องพิสูจน์ด้วยการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ ยั่งยืน
นายสุกิจ กล่าวต่อว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ถึง 1,400-1,450 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานปี 56 ที่คาดว่าจะโต 15-20% จากปี 55 รวมถึงสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่เพิ่มขึ้นเดือนละ 85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งพร้อมที่จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทุกเมื่อหากมีสัญญาณการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผ่านช่วงไตรมาส 1 ปี 56 ซึ่งเป็นช่วงที่รอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ (Fiscal cliff) อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวสูงเกินเป้าหมายได้หากมีการปรับ เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ส่วนกรอบด้านล่างของดัชนีประเมินไว้ที่ระดับ 1,240 จุด
ส่วนโอกาสใหม่ของการลงทุนในปี 56 คือ การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับวัฏจักรของการลงทุนรอบใหม่ของรัฐบาล การบริโภคในเขตที่ไม่ใช่กรุงเทพฯและปริมณฑลและการลงทุนในธุรกิจที่ต่อเนื่อง จากการเกิดขึ้นของใบอนุญาต 3G หลังจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและมีความปลอดภัยสูงอย่างเช่นหุ้นค้า ปลีกโรงพยาบาลได้ปรับตัวขึ้นมามากติดต่อกันหลายปีแล้วโดยหุ้นเด่นที่จะแนะนำ สำหรับปี 2556 ได้แก่ ASK , HMPRO, KTB, LOXLEY, MAJOR PS และ SCC
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปี 56 ไตรมาส 1แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำมีเงินปันผลสูงเนื่องจาก เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสำหรับไตรมาส 2 ถือเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกมากขึ้น เช่น หุ้นพลังงานปิโตรเคมีและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีโอกาส ฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นส่งผลให้ความเสี่ยงในการลงทุนลดลง
บทความโดย : thairath
ที่มา : http://www.prosmes.com