เมื่อมองทะลุวัตถุนิยม....ก็เริ่มแลเห็นความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต

เมื่อมองทะลุวัตถุนิยม....ก็เริ่มแลเห็นความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต

 
เมื่อมองทะลุวัตถุนิยม....ก็เริ่มแลเห็นความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต  
 

 


       ชายแก่คนนั้นทำงานในบริษัท แต่เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีคนขับรถ ขับรถคันเก่าไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง

       เขาไม่ใช่คนยากไร้ ตรงกันข้ามเขาเป็นคนร่ำรวยอันดับที่สามของโลก* (2007) ประมาณว่า ความร่ำรวยราวห้าหมื่นสองพันล้านดอลลาร์ ด้วยเงินของเขาสามารถซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้หลายลำ แต่เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมที่เขา ซื้อเมื่อครึ่งศตรรษที่แล้ว กินอาหารง่าย ๆ ใช้ชีวิตง่าย ๆ การหย่อนใจของเขาคือ นอนดูโทรทัศน์รายการโปรดบนโซฟา กินข้าวโพดคั่วที่ทำเอง

       เขาไม่ใช่คนขี้เหนียว ตรงกันข้ามเขาเพิ่งบริจาคเงิน 83 เปอร์เซ็นต์ของเขาให้องค์กรการกุศล (ประมาณสามหมื่นล้านดอลลาร์) เป็นเงินบริจาคที่สูงที่สุดก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชายแก่คนนั้นชื่อ วอร์เรน บัพเฟตต์

       "วอร์เรน บัฟเฟตต์" เริ่มทำงานครั้งแรกกับพ่อตอนอายุสิบ เอ็ดขวบ เป็นงานนายหน้าค้าหุ้น ปีนั้นเขาซื้อหุ้นตัวแรก คือหุ้น ซิตีส์ เซอร์วิสเซส หุ้นละ 38.25 เหรียญ เขาขายเมื่อหุ้นขึ้นถึง 40 เหรียญ และไม่กี่ปีต่อมามันขึ้นถึง 200 เหรียญ สิ่งนี้สอนให้เขาเห็นค่าของการลงทุนกับหุ้นที่ดีในระยะยาว

       อายุสิบสี่ เขาซื้อที่ดิน 40 เอเคอร์ ราคา 1,200 เหรียญ แล้วให้ชาวนาเช่า ตอนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขากับเพื่อนซื้อเครื่องเล่นพินบอลราคา 25 เหรียญ ตั้งในร้านตัดผม ภายในสามเดือนพวกเขามีเครื่องสามเครื่องในร้านต่าง ๆ เมื่ออายุสิบหก เขามีเงินเก็บถึงห้าพันเหรียญ

       เขารู้สึกว่าการเรียนในวิทยาลัยเป็นความสูญเปล่า แต่ก็ยอมเรียนต่อเพราะพ่อขอไว้ และเป็นนักศึกษาระดับต้น ๆ ด้วยคะแนนสูงลิ่ว

       เมื่อเรียนจบ เขาก็ไปทำงานไม่กี่ปีก็ก่อตั้งบริษัทเล็ก ๆ ในวัยยี่สิบหก สร้างตัวมาจากความไม่มีด้วยสองมือ จนกลายเป็นซีอีโอของบริษัทขนาดยักษ์

       เงินเดือนทั้งปีของเขาในปี 2549 คือหนึ่งแสนเหรียญ จัดว่าน้อยมากสำหรับหมายเลขหนึ่งของบริษัท ซีอีโอทั่วไปมีรายได้ต่อปีเฉลี่ยเก้าล้านดอลลาร์

       เขาบอกว่า สหรัฐอเมริกาจ่ายเงินให้นักมวยสิบล้านเพื่อที่จะน็อกคู่ต่อสู้ให้ล้มในเวลาสิบวินาที แต่ไม่สามารถจ่ายเงินดีแก่ครูที่เก่งที่สุด พยาบาลที่ดีที่สุด เป็นการจ่ายที่ไม่สมเหตุผลอย่างยิ่ง เขาเห็นคุณค่าของการทำงานที่เป็นประโยชน์เท่านั้น

       ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดจะย้ายบ้านที่อยู่มาตั้งแต่หนุ่มไปอยู่คฤหาสน์ที่ไหนสักแห่ง เขาบอกว่า ซื้อบ้านใหม่ทำไม ในเมื่อเขามีทุกอย่างที่ต้องการในบ้านหลังนี้แล้ว การย้ายบ้านเพียงเพื่อให้ ‘สมฐานะ’ ของตัวเองเป็นเรื่องเหลวไหล

       หลายปีก่อนเคยมีการสัมภาษณ์มหาเศรษฐีชั้นนำของโลกจำนวนหนึ่ง และพบว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจริง ๆ ล้วนเป็นคนมัสยัสถ์อย่างยิ่ง ใช้เงินเท่าที่จำเป็น เพราะพวกเขาเห็นว่าเงินทองไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต

       โลกเราเต็มไปด้วยคนรวยกลวง ๆ คนที่พยายามทำตัวให้ดูรวย เมื่อไม่มีเงินก็พยายามกู้เงินมา ด้วยค่านิยมที่ว่า “คนที่กู้เงินได้คือคนที่มีเครดิต”

       คนรวยเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับบอกว่า "จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตไปไกล ๆ"

       ที่แตกต่างจากคนอื่นก็คือ ลูกหลานของเขาจะไม่ได้รับมรดกมากเท่าส่วนบริจาค เขาบอกว่า “ผมต้องการให้ลูกหลานของผมมากพอที่พวกเขารู้สึกว่าสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ไม่มากพอที่ทำให้พวกเขาไม่ทำอะไรเลย”

       เมื่อมองทะลุวัตถุนิยม ก็เริ่มแลเห็นความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต




ที่มา : 
วินทร์ เลียววาริณ

 1989
ผู้เข้าชม
คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

ลูกค้าโปรซอฟท์ อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ศูนย์ Prosoft Training Center
ติดต่อเรา

ติดต่อฝ่ายขาย

02-402-6117, 081-359-6920

sale@prosoft.co.th

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมบัญชี

02-096-4900 กด 2 (AUTO)

02-402-8107

support@prosoftwinspeed.com

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมเงินเดือน

02-096-4900 กด 3 (AUTO)

02-402-8138

support@prosofthrmi.com

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์