เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ดิฉันมีโอกาสไปเปิดโลกทัศน์ และเปิดรับความรู้จากภายนอก (Outside in) กับน้องๆในทีมงาน งานวันนั้นจัดขึ้นในหัวข้อที่พวกเราทุกคนในทีมตั้งใจไปฟัง เพราะเกี่ยวเนื่องกับโปรเจค
B2BThai E-Marketplace ที่พวกเราต้องสานฝันและเดินหน้าต่อร่วมกันเป็นอย่างมาก นั่นคือ งาน Economic Business Forum 2012 ในหัวข้อ สู่ยุทธศาสตร์ และแนวทางการจัดซื้อในยุคโลกาภิวัฒน์ เราทุกคนในทีมได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างมากจากงานครั้งนี้ ตั้งแต่เรื่องการปรับตัวและเตรียมพร้อมสู่ AEC, โลจิสติกส์กับการแข่งขันของชาติในประชาคมโลก ซึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่มีมานานมากตั้งแต่อดีตที่ยังไม่มีนวัตกรรม เพียงแต่นักวิชาการได้มาสร้างระบบ และ กฎเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดการเพื่อความเป็นระบบมากยิ่งขึ้น และตั้งชื่อว่า ระบบโลจิสติกส์ นั่นเองค่ะ
ในบทความนี้ดิฉันยังจะไม่ลงลึกในเรื่องทางวิชาการเหล่านี้ สิ่งที่ดิฉันต้องการแบ่งปัน คือเนื้อหาช่วงสุดท้ายของวันที่ได้รับฟังมา จากนักปฏิบัติคนนึงที่ท่านดำเนินเรื่อง เป็นวิทยากรคนสุดท้าย ท่านแชร์จากสิ่งที่ท่านทำ แนวคิดทางด้านการบริหารงานอย่างเยี่ยมยอด การบริหารที่ดูจะเป็นเรื่องง่าย แต่มันยากยิ่งนัก นั่นคือ การบริหาร “คน” และแนวทางการบริหารที่ดิฉันขอตั้งชื่อว่า Leadership กลยุทธ์การเป็นผู้นำเหนือหัวใจคน
ท่านให้แนวคิดดิฉัน อย่างลึกซึ้ง ถึงขั้นต้องนั่งนิ่ง ตั้งใจฟัง และรีบบันทึกลงในสมุด เพราะเนื้อหาที่ได้ฟังแล้วเป็น Leader key success factor จริงๆค่ะสำหรับบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จในการบริหารงานไม่ว่าคุณอยู่ในตำแหน่ง หัวหน้าระดับใดก็ตาม ทั้งระดับเล็ก กลาง หรือใหญ่สุด สามประเด็นที่ดิฉันจะกล่าวถึงนั้น เป็นสิ่งที่ท่านล้วนแล้วแต่ควร และต้องทำทั้งสิ้น ถ้าสิ่งที่ท่านต้องการคือ “หัวใจคน”
ประการแรก : ผู้นำต้อง “สร้าง” ให้เขาทำงานแบบ “สร้างคน”
การที่ผู้ใดจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้นั้น ต้องรู้จักการเป็นผู้สร้างโดยเฉพาะการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก่อน นั่นคือ การสร้างคน สร้างลูกน้องให้เติบโต ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ ไม่สักแต่ใช้งานแบบ เธอต้องเป็นลูกน้องฉันไปตลอดชีวิต ต้องรู้จักสร้างให้เขายืนได้อย่างมั่นคง และเติบโตภายใต้การสนับสนุนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้า นั่นคือ “คุณ” บุคคลที่ ได้ชื่อว่า “ผู้นำทาง”
ประการที่สอง : ผู้นำต้องเสียสละ ยอมเสียเวลาเพื่อ “สอน” ไม่ใช่ “สั่ง”
ประการนี้ คือข้อที่ตอบโจทย์เชื่อมไปถึงข้อหนึ่ง การสอน คือ การสร้าง เมื่อคุณไม่ได้ใช้อำนาจที่คุณมีเพื่อการสั่งแต่คุณกลับยอมเสียเวลาของตัวคุณเองเพื่อการสอน เพื่อให้เขายืนได้ด้วยการเรียนรู้ของพวกเขาเอง ผู้นำประเภทนี้คุณจะเข้าไปยืนในหัวใจของลูกน้องของคุณได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว และเวลาอันเหน็ดเหนื่อยที่คุณทุ่มเทสอนเขาเหล่านั้น
มันจะทดเวลาในตัวของมันเองเมื่อสมควรแก่เวลา
ประการสุดท้าย : ผู้นำต้องไม่ทำงานบนน้ำตาของลูกน้อง
ประการนี้เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง มนุษย์ คือ สิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตจิตใจ ต้องการการยอมรับ การชื่นชม และการมองเห็นคุณค่าล้วนแล้วทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้ตามทฤษฏีที่พวกเราได้ร่ำเรียนกันมา นั่นคือ ทฤษฏีความต้องการของ Maslow การทำงานแบบเอารัดเอาเปรียบ การสักแต่สั่งงาน สักแต่ใช้อำนาจ โดยไม่เห็นคุณค่าของลูกน้อง ย่อมไม่ใช่วิสัย ที่ดีนักของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้นำ การทำงานในลักษณะนี้ย่อมเข้าประเด็น ทำงานบนน้ำตาของลูกน้อง ซึ่งคุณจะไม่สามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าภายใต้หมวกแห่งหน้าที่ใบนั้น บทบาทของคุณจะสูงสักเพียงใด แต่การเป็นหัวหน้าที่ทำให้ลูกน้องต้องทุกข์ใจ โดยไม่ให้ใจ ก็ไม่ยั่งยืนเสมอไปเท่าใดนัก ดังคำคมที่ว่า
“มีแต่อำนาจ แต่ขาดบารมี”
ทั้งสามประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่ฟังแล้วคล้อยตามเป็นอย่างยิ่ง และทำให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างสูงสุดว่า ปณิธาน การเป็นผู้นำ สร้างได้ แต่อยู่ที่ตัวเราว่าเราจะสร้าง และนำพาบทบาทของตัวเราไปในทิศทางใด คุณต้องเลือก และกำหนดด้วยตัวของคุณเองแล้วละค่ะ ทั้งคนที่จะก้าวมาเป็น หัวหน้า และ คนที่ได้รับบทบาทการเป็นหัวหน้าอยู่แล้ว ว่าคุณจะเป็นผู้นำทีนั่ง และอยู่เหนือหัวใจ หรือ ผู้นำที่ลูกน้องต้องฝืนให้คุณเข้าไปเฉียดในหัวใจ บางเวลาของบทบาท หรือไม่เลยด้วยซ้ำที่จะได้ใจพวกเขาเหล่านั้น ผู้เลือกคือ คุณผู้นำทุกคนค่ะ
แนวคิดสำคัญของบริษัทใหญ่ชั้นนำ กล่าวไว้ข้อนึงว่า การเติบโตแบบยั่งยืนประการสำคัญ คือ “การให้ความสำคัญกับคนและใจ” มีขุนพลและองค์ประกอบที่ดี ที่สำคัญ การเป็นผู้นำไม่ใช่ใช้อำนาจเป็นอย่างเดียว แต่สิ่งที่คุณต้องทำ คือ “การทำตัวเป็นตัวอย่าง”
บทความโดย : คุณสุดารัตน์ เพ็งขุนทด
