การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดย่อม” ซึ่งเดิมจะหมายถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายใหม่เพิ่มเงื่อนไขเกี่ยวกับการมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาทด้วย จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท และได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 150,000 บาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาทลงเหลือ 15% และกำไรสุทธิในส่วนที่เกินกว่า 1 ล้านบาทให้เสียในอัตรา 23% สำหรับรอบบัญชีปี 55 และลดลงเหลือ 20% สำหรับรอบบัญชีปี 56 เป็นต้นไป
คำว่า “รายได้จากการขายสินค้า” หมายถึงรายได้จากการขายสินค้า ที่เป็นทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ที่มีไว้เพื่อขายเท่านั้นไม่รวมถึงการขายทรัพย์สินที่มีไว้ในการประกอบกิจการ หรือเพื่อการอื่นใดที่มิใช่เพื่อการขายทั้งนี้ไม่ว่าจะกระทำการใด ๆ ดังนี้
ดังนั้นรายได้จากการขายทรัพย์สินที่มิใช่การขายสินค้ารายได้จากเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นรายได้เนื่องจากกิจการปกติทั่วไปซึ่งมิได้มีการประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์หรือเครดิตฟองซิเอร์หรือกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ค่าปรับเนื่องจากการผิดสัญญาเงินอุดหนุนหรือเงินช่วยเหลือให้เปล่ารางวัล ส่วนลดหรือประโยชน์ใดที่ได้จากการส่งเสริมการขายรางวัลจากการประกวดแข่งขันหรือชิงโชคย่อมไม่อยู่ในส่วนของรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการจำนวน 30 ล้านบาท
นอกจากนี้หากในรอบระยะเวลาบัญชีใดกิจการดังกล่าวมีทุนเรียกชำระแล้วเกินกว่า 5 ล้านบาทหรือมีรายได้เกินกว่า 30 ล้านบาทก็ให้หมดสิทธิที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลตลอดไปจะหวนกลับมาได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอีกไม่ได้
บทความโดย : thai-asset
ประกาศบทความโดย : http://www.prosmes.com