มุมมองด้านการตลาดที่ธุรกิจ SME ไทยให้ความสำคัญ อาจเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะ "ลูกภรรยาน้อย" เอามากๆ เมื่อเทียบกับ "ลูกภรรยาหลวง" อย่างฝ่ายบัญชีและฝ่ายการเงิน หรือ "ลูกแม่รอง" อย่างฝ่ายผลิตหรือฝ่ายคลังสินค้า ยังไม่รวมถึง "ลูกแม่สาม" อย่างฝ่าย HR ที่ยังจะสำคัญเสียกว่า
เพราะอะไรนะหรือครับ เพราะ SME ไทยมองการตลาดในมุมมองเพียง "การขาย" มองการตลาดในแง่การสร้างยอดขายเพียงมิติเดียว ทำให้ยอดขายขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมภายนอกเป็นหลัก ไม่สามารถสร้างจุดแข็งที่เป็นขีดความสามารถหลักให้เกิดขึ้นในองค์กรได้เลย เพราะ SME ไม่ได้มองให้ลึกไปว่า "การตลาด" คือ ฝ่ายที่จะช่วย "สร้างมูลค่าเพิ่ม" และ "สร้างคุณค่าเพิ่ม" ให้เกิดขึ้นตลอดทั่วทั้งองค์กร เพราะนอกจากจะเป็นฝ่ายสร้างรายได้ที่สำคัญแล้ว ยังเป็นฝ่ายรักษารายได้ให้ยั่งยืน และยังเป็นฝ่ายแสวงหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจให้กับองค์กรอีกด้วย ทำให้ธุรกิจ SME ไทย มีการพัฒนาแบบแคระแกร็น เติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะขาดการวางระบบ "สร้างคุณค่า" ทั่วทั้งองค์กรไว้ตั้งแต่แรก หรือบางทีจะเริ่มเห็นความสำคัญก็ต่อเมื่อตอนที่เกือบจะสายไปเสียแล้ว เพราะถูกบีบจากคู่แข่งรายใหญ่ที่กำลังมาแทนที่ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว หรือภูมิทัศน์การแข่งขันได้เปลี่ยนรูปโฉมไปหมดแล้ว จะกลับตัวตอนนั้นก็มักจะสายเกินการณ์ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงบางรายอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ หรือเบาลงมาหน่อยคือขายกิจการทิ้ง และยังไม่นับธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก ที่อาจทำได้เพียงทำธุรกิจไปแบบ Go Day Day... พวกเขาหารู้ไม่ว่า "การสร้างแบรนด์" ต้องเริ่มกันตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจกันเลยทีเดียว ไม่ต้องรอให้โตก่อนถึงค่อยมาว่ากันทีหลัง...
ที่มา : นนท์ นักแสวงหาโอกาส